 |
Vijja Bhagi
“การต่อสู้ในสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน มันก็ต้องสู้เพื่อการให้ได้โอกาสมากยิ่งขึ้น ในเรื่องสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน, แล้วพูดถึงการที่จะพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ, ฉะนั้น ก็น่าที่จะเห็นว่า การบังคับใช้ หรือการอำนวยการให้เรื่องเป็นไปต่าง ๆ นั้น หรือที่เรียกว่า บันดาล! หรือทำให้เกิดขึ้น จากสิ่งความเหล่านั้น, ดังนั้น ย่อมเห็นว่า มันเกิดมาจาก ระเบียบ หรือกติกา ที่เกิดขึ้นจากการขีดเขียน, ฉะนั้น พิจารณาว่า พึงแก้โดยการขีดเขียน หากว่า ยังมีสิ่งไม่เรียบร้อยดี ในทางอำนวยประสิทธิผล, ก็น่า ที่จะพึงต้องเกิดประเด็นการลงชื่อ หรือการที่ต้อง ร้องขอ การบังคับ ในการที่จะพึงต้องได้ คำสำทับความ หรือส่วนความที่เรียกว่า พระลิขิต, เพราะ ย่อมรู้ ย่อมเห็น แล้วว่า ทุกอย่าง มิใช่เรื่อง ที่กระทำกัน ในทางวาจาเท่านั้น, แต่ หมายความว่า เราจะอำนวยโอกาส เรื่องสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน ให้เกิดประสิทธิภาพ และความบริสุทธิ์ยิ่งกว่านี้, ดังนั้น ในเรื่อง ของมนตร์ หรือโค้ด ที่จะบริกรรมภาวนา ได้ตามต้องการ ฉะนั้น จะสถิต หรือเถลิง หรือจะประณามคาถาอะไร?, หรือจะประณามชื่อ หรือจะประณามฉายาพระนั้นอย่างไร?
ยกตัวอย่าง เช่นว่า เรื่องเหล่านี้ มันถูกแช่ง! หรือถูกประณามแล้ว เพราะมันออกมาจากพระไตรปิฎก ดังนั้น ปราชญ์ และบัณฑิต ทั้งหลาย ผู้ที่มีอำนาจสะกด! ก็จึงหาทางกำหนด ในการที่จะทำให้เรื่องมันกลับคืนเข้าไปยังพระไตรปิฎก, เช่นกัน เพราะเรื่องเหล่านั้น มันออกมาจาก กฏ ระเบียบ และกติกา ที่เกิดขึ้น โดยกระบวนอย่างนั้น นั่นเอง, ที่ซึ่ง ต้องกำหนดด้วยภาคี หรืองานแห่งวิชาภาคี, ว่าเรื่อง มันจะกลับคืนไปสู่ กฎ กติกา และความสมบูรณ์เรียบร้อยได้อย่างไร?, ฉะนั้น ก็จะต้อง กระทำกลับคืน ให้เรื่อง มันดี ตามเจตนารมณ์ ดั้งเดิม ก่อนนั้น, เพราะ หลักประกัน ไม่ใช่เรื่อง ตัวเงิน ที่เป็นเป้าหมาย แต่ ที่สำคัญ คือ เรื่อง มันจะต้องหมายถึง การให้แสดงจุดยืน และการมีส่วนร่วม, เช่นว่า ในทางพุทธศาสนา ย่อมที่จะพิสูจน์ความชอบ หรือไม่ชอบ ว่า นั่นเป็นเรื่อง ประดับอลังการพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนา โดยสุจริตแท้จริง หรือไม่, และส่วนในทางโลก หรือชนทั้งผองทั่วไป ฉะนั้น ก็ย่อมแต่จะแสดงจุดยืน หรือการสำทับความ ที่ต้องพิสูจน์ว่า ประดับอลังการพระพุทธเจ้าหลวง จริงหรือไม่?
เพราะถ้า เป็นความมิชอบ คือ เป็นเรื่องไม่จริง ว่า ที่จะประดับอลังการพระพุทธเจ้า หรือว่า ที่แสดงว่า ได้ มีความรับประกันแก่ภารกิจของพระพุทธเจ้าหลวง จะทำ ให้สมบูรณ์ ยิ่ง ๆ ต่อไป ไม่จริง, ซึ่ง ก็ย่อมแน่นอนว่า ถ้าไม่จริง ย่อม เป็นการลดโอกาส ในการที่จะให้เกิดความดีตามประเภท หรือธรรมชนิดนั้น ๆ, ดังนั้น จึงเห็นว่า ความดี ตามธรรมประเภทนั้น ๆ สำหรับยุคนี้ หรือในพุทธาภิสมัยนี้ ย่อมที่จะต้องหมายถึงเรื่องปัญญา, ซึ่งว่าปัญญา ย่อมกล่าวแด่ปัญญา ในเรื่อง ของ ความ แห่งอารัพภธาตุ ความแห่ง นิกกมธาตุ และความแห่งปรักกมธาตุ, ซึ่งความ ก้าวออก ก้าวไป และความบากบั่นไม่ถอย, แล้ว ดังนี้ ข้อกังวลที่เกิดขึ้นดังกล่าว ก็คือ สิ่งที่บอกว่า จะให้เกิดประสิทธิภาพ และความบริสุทธิ์ยิ่งกว่านี้ ได้อย่างไร?, ฉะนั้น ก็ย่อมมีวิธีเดียว สำหรับการจะพึงใช้ ภาวนามยปัญญา ว่าพึง บริกรรมภาวนา คำศัพท์!อะไร?, หรือว่า พระสังฆาธิการ เจ้าศาสนา จะพึงแต่งบทขัด อริยธนคาถา ว่าอย่างไร?, นัยเพราะ ทุกผู้คน จะตกลงใจ กระทำอัตรากำลังนั้น ๆ ยิ่งขึ้น เพราะ ภาคี แห่งพระลิขิต ที่ยกเป็นหลักประกัน”
|
 |