“ประการ แรก ๆ, ถ้า นักภาวนา จะศึกษา หลัก Free หรือ Domain ที่ ฟรี!, จรดถึง หลัก เอาจริง ๆ เลย จะพึง ต้องระลึก ต้องคิดคำนึง ถึง Pali Ariyakaーscript โดยตลอด ตามความที่เป็นปรากฏการณ์ แล้ว ฉะนั้น, ดูแต่แค่ที่มีรูปธรรม แล้ว เท่านั้น เพราะควร ต้องศึกษา ‘ลีลา’ คือหา หรือ ค้น หรือ ‘รู้สึก ไปในลีลา แห่งการตรัสรู้ธรรม หรือรู้ลีลา ในการกล่าวธรรม แสดงธรรม’, นับที่เป็น ธรรม มีปรากฏ หรือ กล่าวว่า นี่คือ ปรากฏการณ์ หรือเทียบได้ หรืออุปมาได้ว่า ‘นี่! คือปรากฏการณ์’ , ฉะนั้น จะมีเรื่องอะไร? นอกไปกว่า การศึกษารูป! ที่ต้องมาดูว่า สรุปสารูป ธรรม! มันเป็นอย่างนี้ หรืออย่างนี้ หรือมันเป็นอย่างนี้, คือเทียบ อย่างกับที่เรา ดู หรือพิจารณา หยดเทียนในอ่างน้ำมนตร์ กระนั้น หรือดู ควันธูป หรือ ลีลา ที่ธูปขด เป็นวง หรือเป็นริ้ว อย่างนั้น อย่างนี้, หรือดูลายที่ก้อนเมฆ หรือดูรุ้งกินน้ำที่ก้อนเมฆ ฉะนั้น, คือเห็นพระจันทร์ทรงกลด เห็นเดือนดับ เห็นเดือนลับลงที่ช่องหน้าต่าง เป็นต้น เป็นเรื่อง ปรากฏ หรือธรรมที่มี การ หรือกาล หรือมีวาระ ปรากฏ
ดังนี้ เมื่อ มุ่งแต่การ คำนึงตริตรอง และตรึกอย่างแรง ไปในการศึกษาวิจัย คือ ‘คิดว่า จะศึกษา ด้วยมี เรื่อง รูป! เป็นต้น’ ก็ศึกษา พิจารณาไปโดยตรงทีเดียว ถึงปรากฏการณ์, ก็คือ ย่อม เสนอว่า พึง ศึกษา Font หรือแบบพิมพ์ นี่หน่ะ ถูกต้อง! และถูกตรงที่สุด คือเราได้ศึกษาไปตรงที่ ความเป็น Gracefully ของมัน โดย ‘ลีลา’ นั้น ๆ , มันจึงจะไม่หลงยึด หลงคิด ไปในจินตนาการ ดี-ชั่ว ทางสังขารเท่านั้น เพราะ เราดู เราพิจารณาถึง รูปการ หรือรูปความของการมีปรากฏการณ์ ว่า คือ ‘ลีลา’ ของ ‘บาลีอักษรอะไร? ๑, ฉบับอะไร? ๑, เล่มอะไร? ๑, ข้ออะไร? ๑, หน้าอะไร? ๑, อักขระรวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑, อักขระไม่รวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑’, คือ พวกเรา นักภาวนา! ที่ยังไม่ได้เป็น ภาวนิก เราจึงพึงวิเคราะห์วิจัย ไปถึง หรือรู้สึก ไปกับ Font และเล็งตรงไปที่ ความเป็น Gracefully ของสิ่งนี้ แล้วเห็นรอยเท้าในอากาศ หรือพบรอยบนอากาศ ของสิ่งนี้ จรดกับ ความหมายรอบด้าน จรดกัน ให้ครบทุก ๆ มิติ, โดย ทั่วตลอด แม้น กระทั่งมติ หรือมิติ! ที่เรียกว่า ‘เสี้ยวที่ ๑๖’, เราก็วิเคราะห์วิจัย เพื่อที่จะเอาจิตดี ไปจากตรงนี้”
Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Chittasangwaro