----- FWZ -----
“รู้เท่าผู้วิเศษ เพื่อทำงานให้ผู้วิเศษ”
“เมื่อไหร่ไม่หลงไป แล้ว ก็คิดต่อ เพราะแต่ความตรึก จะถือสาหาความมันอย่างไร ไม่ได้, ฉะนั้น ย่อมไม่มีทางที่จะทำได้ มีวิธีเดียวที่จะถือสาหาความ แก่ความตรึกนึกสารพัด อันมีอยู่ ก็คือ เราจะต้อง ดำริ!คิด แล้ว ทำ!ลิขิต, แล้วเมื่อ คิดถึง คหบดี ก็จะต้องคิดถึงคำว่าตลาด นั่นเอง, ซึ่งแต่โจท ขึ้น ทุกเมื่อ ๆ ของ ทุกวัน ๆ ก็คือ เรื่องปวงเหล่านี้อยู่แทบทั้งนั้น ที่บอกว่า
กษัตริย์มหาศาล จะ ดำริ!คิด แล้ว ทำ!ลิขิต อะไร?
คหบดีมหาศาล จะ ดำริ!คิด แล้ว ทำ!ลิขิต อะไร?
พราหมณ์มหาศาล จะ ดำริ!คิด แล้ว ทำ!ลิขิต อะไร?
แต่บรรดาเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่า จะลัทธิอันดีอันไรอื่น หรือแม้นเป็นปัจเจกชน หรืออิสรชนอย่างไร ก็แล้วแต่, แต่แค่คนธรรมดาเท่านั้น เมื่อ มิใช่คนระดับ ที่จะทำลิขิตให้เป็นจริงได้ อย่างคน ๓ จำพวกนั้น ก็ย่อมกล่าว ย่อมคิดกัน ได้แค่เป็นเรื่องวาทะ หรือเป็นสิ่งระลึกรู้ ระลึกนึกคิด แค่ลอยลม หรือได้เห็นเป็นเพียงบันเทิง หรือสารคดี ไปแค่เท่านั้น เพราะ คนธรรมดา ชีวิตเรา ย่อมเป็นไป ตามแต่ มหกรรม ของคนใหญ่ คนโต จะทำให้เป็น เท่านั้น, แด่ในโลกนี้ ไม่ว่าโลกจะเป็นโลกยุคพระจักรพรรดิ์ หรือยุคที่มีแต่พระมนู กับพราหมณ์ และพระปัจเจกฯ ก็ตาม ก็ย่อม เป็น อัน คาดการได้แน่ว่า, ดำริ!คิด และการ ทำ!ลิขิต ทั้งปวงนั้น, อยู่ที่ใด? เพราะอะไร? เพื่ออะไร? เมื่อ”
-ต้องการที่จะ รักษารัชบัลลังก์ ไว้ให้ใคร?
-ต้องการที่จะ รักษาตลาด ไว้ให้ใคร?
-ต้องการที่จะ รักษาหลักประกันทางวิชาการ ไว้ให้ใคร?
ที่ซึ่ง ก็เป็นอันแน่แท้ว่า เรื่องนี้ คหบดี จะรักษาอะไร? ไว้ให้ใคร เช่นนั้น, แล้วเพราะ ในเรื่องนี้ ก็ย่อมโยงไปคิดเรื่อง ที่บอกว่า หาก พระสิทธัตถะ ตกลงใจที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ พระองค์ จะสถาปนายิ่งขึ้น ซึ่ง ความต้องการ ทั้ง ๓ ประการนั้น แก่ใคร? อย่างไร?, และ หรือ ว่า เราจะยกความคิด ไปคิด จรด ถึงเรื่อง ‘พุทธจักร พุทธเขต และพุทธอาณา’ อยู่อย่าง เป็นความปกติธรรมดา อยู่อย่างนี้ บ้าง ก็ตาม, ที่เราถือกันว่า ระยะแห่งความเป็นพุทธกัป เป็นห้วงเวลาแห่งพระตถาคตลิขิต โดยแท้จริง โดยที่ ความทั้งปวง ย่อมจะยังคงอยู่ในหลัก แห่งความต้องการ ทั้ง ๓ อย่าง อยู่อย่างนั้น นั่นเอง
ด้วยความที่ พุทธศาสนา สถาปนากันมาด้วยภาษาเสียง แล้วนั้น ก็น่าจะระยะเวลาหนึ่ง ที่ซึ่งต่อไป จะพึงเข้าสู่ระยะ ที่ต้องสถาปนาด้วยลายลักษณ์อักษร, แล้วนี้ ลองสมมติว่า พวกเรา จะรักษาหลักประกันทางวิชาการ ให้กับโลก ที่เรียกว่า โลกอินเทอร์เน็ต, อันซึ่ง ก็น่าจะดี ที่เราจะยกตัวอย่างในเรื่องของการสู้สุดขีด เช่นนั้น แก่เรื่องแก่ความชนิดที่บอกว่า เป็นเรื่อง โพธิบัลลังก์เอย, พุทธพาณิชย์เอย, หรือแม้นแต่เรื่องที่เรียกว่า พุทธศาสตร์เอย”