Fwd: ไม่ได้เว่อร์นะแต่รักเลย ☺

3 views
Skip to first unread message

Phra Thanavaro

unread,
Nov 5, 2025, 6:56:14 AM (13 days ago) Nov 5
to jfoodnoenmaprang, สรรพาลังการ Thai -Pali ศัพท์ สรรพาลังการ Thai -Pali ศัพท์, wasna, wa...@googlegroups.com, 1ITITURINA BAEPNGAN1, nirutt...@googlegroups.com
คำตอบแท็กพระไตรปิฎก ?

“ข้อมูลที่ได้มายาก หรือลำดับชั้นทางภาษา หรือชั้นข้อมูลเอกสาร หรืออะไร?, แต่ตรงนี้ มันเป็นการเล่น เปรียบเหมือนเรื่องจิต หรือจิตฌาน ก็คือการเล่น เหมือนกัน แต่ทว่า ความหมายของการเล่น มันก็ยิ่งใหญ่ เพราะพระท่านก็สอนกันไว้อย่างนี้ ว่าจะเล่นจิต หรือเล่นฌานอย่างไร? ภาวนาอย่างไร? ซึ่งท่านก็แนะว่า ก็ให้ทำเหมือนว่า เราจะเล่นดนตรีให้ได้ดี เราจะทำอย่างไร? เราจะเล่นกีฬา ให้ได้ดี เราจะพึงทำอย่างไร? เราจะเล่นเกมให้ได้ดี เราพึงทำอย่างไร?, ก็เหมือนกัน ว่า จะภาวนา หรือเล่นจิต ให้จิตได้ดี หรือเป็นจิตดี พึงจะทำอย่างไร?, คือ ให้ย่อมเห็นว่า ภาวนาเล่น ๆ ก็ดี แต่คิดหวังมุ่งหวัง ในการได้ดี ได้ อย่างนั้น, เพราะต้องทำ ต้องแล่นไป ตามผังแผน หรือเป็นไปตามทางที่จะให้ได้มี ได้พบความสุขสำเร็จ

แต่ทว่า มันก็มีระบบ มีวงจร ที่ไม่เข้าไปสู่การเล่นเลย อยู่โดยธรรมชาติ ก็มี เหมือนเรื่องอินเทอร์เน็ตนี้เหมือนกัน ที่เจ้าของระบบ หรือเจ้าของแพลตฟอร์ม ย่อมมุ่งหวัง และแสดงเจตจำนง ตามแผนงานที่ดีของตนเองว่า ‘จะพึงทำอย่างไร? จึงจะควบคุมคอนโทรล ผู้ที่ไม่ได้เข้ามาเล่นเน็ต หรืออินเทอร์เน็ต’ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ ตามความมุ่งหวังเช่นนั้น ที่จะให้ผู้คน ทุกคน เข้ามาประสบความสำเร็จ ได้ โดยวิทยาการเหล่านี้, เพราะ ว่า มันเป็นธรรมชาติ คือมันมีธรรมชาติ ของคนที่ไม่เล่นเน็ต และไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับระบบอินเทอร์เน็ต มันมีคนประเภทนั้นอยู่ หรือมีความรู้ประเภทนั้นอยู่, คือ คนที่ ย่อมไม่รู้จักการเล่น หรือไม่อาจจะรู้วิธีเล่น ได้เลย ว่าจะต้องเล่นอย่างไร?, ซึ่ง ในทางศาสนา เรียก ระบบ หรือ วิธีการเช่นนั้น ว่า ระบบ สุกขวิปัสสกปัญญา

ซึ่งในมุมหนึ่ง ท่านอาจจะถูกประเมิน ถูกประมาณ หรือถูกประณาม อย่างชนิดตีขลุมว่า เป็นระดับต่ำ หรือชั้นต่ำอะไรก็ว่ากันไป, แต่ที่จริง ถ้าจะสรุปให้ดี สรุปให้เหมาะ ก็น่าจะสรุปแค่ว่า ท่านเป็นพระแบบ สุกขวิปัสสกะ ‘ท่านเล่นไม่เป็น’ คือย่อมที่จะหมายความว่า ‘ท่านเล่นจิต เล่นฌาน เล่นอะไร? อย่างพรหม หรืออย่างเทพเจ้าวิเศษ อะไร? เช่นนั้น’ ระบบสุกขวิปัสสกปัญญา ย่อมทำไม่เป็น หรือเล่นไม่เป็น, ที่ซึ่งที่จริง ถ้าไม่กล่าวลงแต่เรื่อง ศักดินา หรือลำดับชั้น ก็ต้องกล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นธรรมชาติ ‘เป็นความบริสุทธิ์ตามประเภทของธรรม’ ที่ต้องเรียกว่า ธรรม คือ ‘สุกขวิปัสสกธรรม’, อันซึ่งย่อมก็น่าหัวเสีย เมื่อ ต้องยกมาคุย แบบที่ต้อง ระบุชั้นข้อมูล หรือคุย อย่างการ ลำดับความสำคัญในทางเอกสาร

เพราะถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ไม่ได้อยู่ในแผน ก็ย่อมที่จะกล่าวไม่ได้, แล้วตกลงว่า ‘จะเล่นจิต หรือเล่นจิตฌานอย่างไร?’ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ยังจะแถลงไม่ได้, ที่ซึ่ง ก็คงจะหมายความว่า ‘ไม่มีเรื่องอะไรที่เล่นได้นั่นเอง เป็นทิฏฐานุคติ ในเบื้องต้น’, แต่ มากล่าวนี้ อยากมากล่าวว่า ข้อมูล หรือหนังสืออะไรที่ได้มายาก ท่านเหล่านั้น ก็จึงอยากให้เห็น อยากให้รู้คุณค่า, ‘ซึ่งเรื่องโดยดี โดยตรง โดยการคำนึงถึงประโยชน์’ ก็ย่อมที่จะต้องบอกว่า ข้อมูลพระไตรปิฎกได้มายาก เกิดขึ้นยาก เพราะเป็นตำรา ที่ต้องรวมยอดพระ ยอดคน ยอดนักปราชญ์บัณฑิต มาทำ, แล้วนี้ ในยุคที่ต้องการความบริสุทธิ์ของข้อมูล ก็ย่อมที่จะถามกันว่า อะไรที่ได้มายากกว่านั้นอีก, ซึ่งต้องบอกว่า ข้อสังเกตพิเศษ ของ ฉบับ ๙๑ เล่ม ได้มายาก กว่านั้นอีก, และที่ซึ่ง ค่าแห่งข้อมูลฉะนั้น ย่อมที่จะมิใช่เพื่อ ที่จะ เอามาทำอะไร? เล่น ๆ, ด้วยที่จะเปรียบ ไปกับการเล่นจิต หรือเล่นฌาน ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาเปรียบ”

Maem Thiyada (4).jpg

Phra Punnakusalo

unread,
Nov 6, 2025, 7:22:11 AM (12 days ago) Nov 6
to wa...@googlegroups.com, nirutt...@googlegroups.com, nirutt...@googlegroups.com, Phra Punnakusalo
“ข้อมูลที่ได้มายาก หรือลำดับชั้นทางภาษา หรือชั้นข้อมูลเอกสาร หรืออะไร?, แต่ตรงนี้ มันเป็นการเล่น เปรียบเหมือนเรื่องจิต หรือจิตฌาน ก็คือการเล่น เหมือนกัน แต่ทว่า ความหมายของการเล่น มันก็ยิ่งใหญ่ เพราะพระท่านก็สอนกันไว้อย่างนี้ ว่าจะเล่นจิต หรือเล่นฌานอย่างไร? ภาวนาอย่างไร? ซึ่งท่านก็แนะว่า ก็ให้ทำเหมือนว่า เราจะเล่นดนตรีให้ได้ดี เราจะทำอย่างไร? เราจะเล่นกีฬา ให้ได้ดี เราจะพึงทำอย่างไร? เราจะเล่นเกมให้ได้ดี เราพึงทำอย่างไร?, ก็เหมือนกัน ว่า จะภาวนา หรือเล่นจิต ให้จิตได้ดี หรือเป็นจิตดี พึงจะทำอย่างไร?, คือ ให้ย่อมเห็นว่า ภาวนาเล่น ๆ ก็ดี แต่คิดหวังมุ่งหวัง ในการได้ดี ได้ อย่างนั้น, เพราะต้องทำ ต้องแล่นไป ตามผังแผน หรือเป็นไปตามทางที่จะให้ได้มี ได้พบความสุขสำเร็จ

แต่ทว่า มันก็มีระบบ มีวงจร ที่ไม่เข้าไปสู่การเล่นเลย อยู่โดยธรรมชาติ ก็มี เหมือนเรื่องอินเทอร์เน็ตนี้เหมือนกัน ที่เจ้าของระบบ หรือเจ้าของแพลตฟอร์ม ย่อมมุ่งหวัง และแสดงเจตจำนง ตามแผนงานที่ดีของตนเองว่า ‘จะพึงทำอย่างไร? จึงจะควบคุมคอนโทรล ผู้ที่ไม่ได้เข้ามาเล่นเน็ต หรืออินเทอร์เน็ต’ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ ตามความมุ่งหวังเช่นนั้น ที่จะให้ผู้คน ทุกคน เข้ามาประสบความสำเร็จ ได้ โดยวิทยาการเหล่านี้, เพราะ ว่า มันเป็นธรรมชาติ คือมันมีธรรมชาติ ของคนที่ไม่เล่นเน็ต และไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับระบบอินเทอร์เน็ต มันมีคนประเภทนั้นอยู่ หรือมีความรู้ประเภทนั้นอยู่, คือ คนที่ ย่อมไม่รู้จักการเล่น หรือไม่อาจจะรู้วิธีเล่น ได้เลย ว่าจะต้องเล่นอย่างไร?, ซึ่ง ในทางศาสนา เรียก ระบบ หรือ วิธีการเช่นนั้น ว่า ระบบ สุกขวิปัสสกปัญญา

ซึ่งในมุมหนึ่ง ท่านอาจจะถูกประเมิน ถูกประมาณ หรือถูกประณาม อย่างชนิดตีขลุมว่า เป็นระดับต่ำ หรือชั้นต่ำอะไรก็ว่ากันไป, แต่ที่จริง ถ้าจะสรุปให้ดี สรุปให้เหมาะ ก็น่าจะสรุปแค่ว่า ท่านเป็นพระแบบ สุกขวิปัสสกะ ‘ท่านเล่นไม่เป็น’ คือย่อมที่จะหมายความว่า ‘ท่านเล่นจิต เล่นฌาน เล่นอะไร? อย่างพรหม หรืออย่างเทพเจ้าวิเศษ อะไร? เช่นนั้น’ ระบบสุกขวิปัสสกปัญญา ย่อมทำไม่เป็น หรือเล่นไม่เป็น, ที่ซึ่งที่จริง ถ้าไม่กล่าวลงแต่เรื่อง ศักดินา หรือลำดับชั้น ก็ต้องกล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นธรรมชาติ ‘เป็นความบริสุทธิ์ตามประเภทของธรรม’ ที่ต้องเรียกว่า ธรรม คือ ‘สุกขวิปัสสกธรรม’, อันซึ่งย่อมก็น่าหัวเสีย เมื่อ ต้องยกมาคุย แบบที่ต้อง ระบุชั้นข้อมูล หรือคุย อย่างการ ลำดับความสำคัญในทางเอกสาร

เพราะถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ไม่ได้อยู่ในแผน ก็ย่อมที่จะกล่าวไม่ได้, แล้วตกลงว่า ‘จะเล่นจิต หรือเล่นจิตฌานอย่างไร?’ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ยังจะแถลงไม่ได้, ที่ซึ่ง ก็คงจะหมายความว่า ‘ไม่มีเรื่องอะไรที่เล่นได้นั่นเอง เป็นทิฏฐานุคติ ในเบื้องต้น’, แต่ มากล่าวนี้ อยากมากล่าวว่า ข้อมูล หรือหนังสืออะไรที่ได้มายาก ท่านเหล่านั้น ก็จึงอยากให้เห็น อยากให้รู้คุณค่า, ‘ซึ่งเรื่องโดยดี โดยตรง โดยการคำนึงถึงประโยชน์’ ก็ย่อมที่จะต้องบอกว่า ข้อมูลพระไตรปิฎกได้มายาก เกิดขึ้นยาก เพราะเป็นตำรา ที่ต้องรวมยอดพระ ยอดคน ยอดนักปราชญ์บัณฑิต มาทำ, แล้วนี้ ในยุคที่ต้องการความบริสุทธิ์ของข้อมูล ก็ย่อมที่จะถามกันว่า อะไรที่ได้มายากกว่านั้นอีก, ซึ่งต้องบอกว่า ข้อสังเกตพิเศษ ของ ฉบับ ๙๑ เล่ม ได้มายาก กว่านั้นอีก, และที่ซึ่ง ค่าแห่งข้อมูลฉะนั้น ย่อมที่จะมิใช่เพื่อ ที่จะ เอามาทำอะไร? เล่น ๆ, ด้วยที่จะเปรียบ ไปกับการเล่นจิต หรือเล่นฌาน ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาเปรียบ”

Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Pasannamano

“อยากจะตอบ อยากจะเชื่อมโยงให้ได้ประโยชน์ จากมุม ที่อะลุ้มอล่วย มากที่สุด เท่าที่จะพึงกระทำ เพื่อที่จะเปิดกว้างให้มากยิ่งขึ้น ในเรื่องที่จะนำมาเปรียบ, และในเรื่อง ‘ชื่อ บัญญัติ และภาษา’ เช่นนี้ ก็คงอย่างกล่าวไว้แล้ว ว่า พึงอาจให้ได้พบ ได้เห็น ความไม่เสื่อมคลาย หรืออาจให้ได้พบประเด็นที่มีคุณค่าต่อการวิจัย, ซึ่ง ก็อย่างที่ได้บอกนั่นเอง ว่าการจะตอบ ย่อม มิใช่เรื่องตอบโดยตรง ได้ อย่างที่เรียกว่า เป็นเรื่อง ของระบบ หรืออย่างการ จะชั่ง ตวง วัด ให้ได้ ด้วยมาตรอย่างนั้น หรือมาตรอย่างนั้น, แม้นว่า การคิดพิจารณา หรือคิดคืบไป ในส่วนที่เรียกว่า เป็นภาคี หรือพึงให้ได้มติร่วม ที่ซึ่งย่อมน่าที่จะดีกว่า, แต่ถ้ายกกล่าวอย่างเรื่องระบบ หรือระเบียบ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่แคบเกินไป ได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็คงจะเป็นเพราะว่า ยัง มิอาจสามารถ ที่จะจำเพาะ ได้ถึงขนาดนั้น, แต่ทว่า หากว่ากันอย่างระแบบ หรือว่าอย่างภาษาบทความ ที่ซึ่งต้องไม่เลี่ยง ในประการที่เราจะนำพา สิ่งสารพัด ดังนั้น ไปสู่ความหมายของแท็กพระไตรปิฎก

ซึ่ง ความ อันที่จะพิเคราะห์ชื่อ หรือภาษาเช่นนั้น ว่าได้มีความหมาย อยู่ในข้อปฏิบัติวัตรพรต ในนัยของประพฤติทางการบวช หรือลัทธิปฏิบัติในทางศาสนา ชื่อและบัญญัติเหล่านั้น มีความหมายอย่างไร? หรือจะให้ได้มาเป็นมาลัย แห่งร้อยแก้ว ร้อยกรองบทนี้ จะเป็นไปอย่างไร?, เพราะต้องแปลไปสู่ภาษา หรือต้องแปลมาสู่ภาษา ได้ทั้งหมดทั้งนั้น, เพราะเรื่องเช่นนั้นได้บอกว่า เป็นประเด็น ‘สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ สรรพอณูแห่งวิชาความรู้’ , แล้ว ฉะนั้น พวกเราพึงจะ‘ต้องบอกว่า หิ่งห้อยบินมา หรือพึงต้องบอกว่าพระธาตุเสด็จ’, แต่ก็พึงจะต้องบอกให้รู้วิชาหนังสือ คือต้องบอกให้รู้ และจรด ในการที่จะกระทำความคืบหน้าไปในทางขีดเขียน ได้, เพราะปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ได้มีมาทางคลองแห่งจักษุเป็นต้น หรือที่ได้มีอยู่ ในคลองแห่งมโนทวาร เป็นต้น, ฉะนั้น ความต่อ แต่ หรือเนื่องจากบทความสารคดี ดังกล่าว จำพึงที่เราจะต้อง ลิขิต หรือเขียนไว้

โดยพื้นฐาน และอย่างน้อยที่สุด ในการที่เราจะไม่พลาดจากเรื่องนิรุตติ อันคือเรื่อง ‘ชื่อ บัญญัติ และภาษา’, ในชั้นแรก โดยพื้นฐาน หรืออย่างน้อยที่สุด เราก็พึงที่จะต้องตราไว้ด้วย อักขระ? สระ? และอาณัติกสัญญา?, ซึ่งความ อะไร อาจจะเป็นเพราะ เราไม่มีอุปกรณ์ทางการขีดเขียนอะไรได้เลย เราก็จะต้องทำไว้ อย่างการที่จะเขียนไว้ที่อากาศ เช่นนั้น ด้วยการที่เราจะต้องได้ หรือกำหนดได้ ซึ่ง ‘อาณัติกญาณ’ ในการที่จะสืบ หรือต่อสัญญาแห่งเรื่องราวต่าง ๆ เช่นนั้น ในคลองแห่งมโนทวารได้ ดังนั้น ก็จงพึง กำหนดจดจำ สัญญาญาณ โดยความต่าง ๆ ฉะนั้น ไว้เสียโดยเร็วพลัน, แล้วการที่จะเข้าใจมาในทางศาสนา ย่อมจะยังคงเป็นเรื่องที่มีความสะดวก เช่นนั้น ก็จงพึงกำหนดจดจำ ปรากฏการณ์อันเพริศพริ้ง ฉะนั้น ลงไปยังส่วนแห่งบุคคลสำคัญก็จะเป็นประโยชน์ ว่า อันหนึ่ง เราระลึกถึงอาณัติหมายของพระเจ้ามิลินทร์ อันหนึ่ง เราระลึกถึงพระเจ้าอโศก อันหนึ่งเรานึกถึงพระนเรศวร”

Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Sirikamo

“ดำริชอบ หรือดำริที่ประกาศได้ พึงเอาตามที่บอก หรือที่เกริ่นไว้แล้ว ซึ่งเชื่อมั่น และแน่ใจว่า จะพึงเป็นไปแต่ในทาง หรือ ในแง่ แห่ง ‘ปัญญา ญาณ และนิรุตติ’ ได้, เพราะตั้งจรดไปตาม ความบริสุทธิ์ของข้อมูลเท่านั้น ซึ่งถ้าใจเนื่องด้วยและเกี่ยวพันอยู่ กับข้อมูล ย่อมได้ สิ่งที่เรียกว่า ความสมบูรณ์บริบูรณ์ในนิรุตติ อันซึ่ง มิใช่ ความมุ่งหมายที่จะนำพาไป ให้ได้ ในเรื่อง ที่กล่าวกันว่า เป็น เรื่อง ของ ‘ปัญญา ญาน แลวิมุตติ’, เพราะจิตใจปฏิญาณอยู่ในนิรุตติเท่านั้น ‘มิได้มีประการใดว่า ตน ได้ปฏิญาณว่า ได้ วิมุตติ’ แล้ว, แลซึ่ง หนทาง แห่ง ‘ชื่อ บัญญัติ และภาษา’ ย่อมเป็นเรื่องประกันความไม่หลง หรือความที่ให้ต้องมีสัมโมหะ เช่นนั้น แล้ว ย่อมไม่หลง ในอัน ที่จะพึงต้องแต่งคำพูด หรือจำพึง ต้องแต่งจิตให้วิจิตร ด้วย การ ให้ ดำริ!คิด แล้ว  ให้ ทำ!ลิขิต ด้วยความที่ยังขาดในความปรารภ จึงยังไม่มีสิ่งใดขาด จากสิ่งที่พึงปรารภ, และเมื่อใดปรารภนิรุตติธรรม คัมภีร์อื่น ๆ ย่อมมีค่าเท่าพระไตรปิฎกได้ เพราะการสอบสวนด้วยนิรุตติธรรม ทำให้คัมภีร์ตำราเหล่านั้น มีค่าในทางนิรุตติ

ซึ่ง สิ่งที่ทำได้ดี ขั้นแรก ก็คือ ย่อม นำเอาคำเดียวกัน นั่นแหละ ยกมานำหน้า นำมาขึ้นต้น ทุกอย่าง, แล้วทุกอย่าง จึงจะเป็นไปในแง่เดียว หรือเป็นธรรมอย่างเดียวกัน ได้ ซึ่งสัญญาภายใน ให้ กล่าวว่า มะโน สัญญาภายนอก ย่อม กล่าวว่า นะโม, ลงที่ ‘ใจรูป ใจเสียง ใจกลิ่น ใจรส ใจสัมผัส ใจจิต ใจนิพพาน และใจบัญญัติ’ , เพราะปฐมบท ย่อมกล่าวแก่การมีใจ ‘แลต้องพูด และต้องทำ ด้วยความมีใจ’ , ซึ่งปัญหาหลัก ๆ ที่ต้องแก้ด้วยปัญญาชอบ ก็คือเรื่อง ใจนิพพาน นั่นเอง เพราะว่า เมื่อไม่มีปัญญาชอบแล้ว หรือเมื่อใดมีแต่ความตระหนี่แล้ว ใจนิพพาน ก็ย่อมที่จะไม่ปรากฏเลย, ฉะนั้น หากจะกล่าวเรื่องนิพพาน ก็จะต้องมีปัญญาชอบ หรือได้มี ความพ้นจากความตระหนี่ ได้แล้ว ใจนิพพาน จึงจะมาปรากฏ เป็นทัพสัมภาระ อย่างหนึ่ง ร่วมทาง

พูด หรือกล่าวอย่างง่ายว่า ใจนิพพาน เป็นของใครของมันก็จริง ก้าวก่ายกันไม่ได้, แต่ย่อมพูดอย่างง่ายว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้มีองค์เดียว พระอรหันต์ไม่ได้มีองค์เดียว พระภิกษุไม่ได้มีองค์เดียว หรือรูปเดียว ซึ่งหมายความว่า นิพพานไม่มีความตระหนี่ และนิพพานย่อมเป็นสิ่งชอบ แม้นว่า จะมีใจนิพพาน เป็นของใครของมัน ก้าวก่ายกันไม่ได้ ก็จริง แต่สิ่งที่เรียกว่า ใจนิพพาน ฉะนั้น ย่อมที่จะต้องไม่มีความตระหนี่ และมีปัญญาชอบ อยู่เป็นพื้น, ที่ซึ่ง จะกำหนดความนิรันดร หรือยังมิกำหนดอย่างไรก็ตาม ย่อมที่จะพึง กล่าว ในทาง สามัญ ศัพท์ ว่า นิพพาน ย่อมคือความไม่ตระหนี่ และความมีปัญญาชอบ ทางจิตใจ ซึ่ง คุณศัพท์ หรือวิเศษคุณศัพท์ ก็สืบไป ตามความเป็นมา หรือความวิจิตร ที่มีความแตกต่างกัน แด่ความ‘ไม่บอด ในเรื่องใจของตนเอง’ นั่นเอง และไม่บอดในเรื่องของคนอื่น สำหรับเรื่อง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และซึ่งใจแห่งบัญญัติ เหล่านั้น ๆ ถ้าบัญญัติเหล่านั้น ประกอบอยู่ด้วยคุณแห่งวิชาประพันธ์ แล้วไซร้ ก็ย่อมชื่อว่ามีนิพพานอยู่ด้วย นัยเพราะความไม่ตระหนี่”

Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Mantaniputto

Inthuon_Phroetphring_MCU.jpg
Maem Thiyada (2).jpg


Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages