Ngan Roi Kaeo Ubai : ☺

12 views
Skip to first unread message

สรรพาลังการ Thai ศัพท์

unread,
Dec 3, 2025, 1:52:07 AM (11 days ago) Dec 3
to reg...@googlegroups.com, wa...@googlegroups.com
blank
Vijja Bhagi
Sarata Ngan Roi Kaeo Ubai
 
“ถ้าจรด การสำรวจ ให้ได้คติ ข้อคิด ก็พึงต้องว่า ‘น้ำลึกแค่ครึ่งแข้ง’ เท่านั้นแหละ, แต่เงาจะประมาณได้ที่ไหน?, เมื่อมี คำสัพยอก ที่จริง ก็มี แล้วเรื่อง ที่จะต้องแปลความเข้าใจ ก็ย่อมมี เหมือนกัน, เพราะ ถ้าเราสอนตามโวหารธรรม ก็ย่อมแสดง หรือสำแดงแต่ว่า ‘น้ำตื้น แต่เงาลึก’, แต่ถ้าเข้ามาอยู่ดงขมิ้นด้วย ตนเอง ที่ไหนจะได้เข้าใจ หรือได้ทำอยู่แค่นั้น, เพราะเมื่ออุทิศตนเพื่อศาสนา เพื่อพระศาสดาแล้ว คำสัพยอก ฉะนั้น มันย่อมเป็นประณามคาถา มันย่อมเป็นประณามบท เป็นบทขัด อะไร? ได้ทั้งนั้น, จะว่า  ‘น้ำตื้น เงาลึก’ ก็ย่อมจะไม่ใช่แล้วหล่ะ, เพราะ ใจจิตเราแท้จริง มันย่อมรู้แล้วว่า ‘น้ำลึกแค่ครึ่งแข้ง เท่านั้น แต่เงาฉะนั้นเราจะประมาณได้ที่ไหน?’ และถ้าเราเป็นลมล้มคว่ำ ลงตรงที่ น้ำลึกแค่นี้หล่ะ เท่านั้นแหละ แต่ ที่แท้ก็ต้องตาย, เพราะจะหาอุปกรณ์เครื่องช่วยชีวิต หรือหาใครมาช่วยพยุง ได้ ย่อมจะไม่มีแน่ ๆ, เพราะทุกอย่างเป็นเรื่อง พระพุทธคุณ ธรรมจัดสรร และความเป็นไปตามเวรตามกรรม, เป็นไปตามเหตุปัจจัย

ฉะนั้น จึงต้องย้อนคืนกลับมา แสดง เรื่อง ‘ปัญญา ญาณ และนิรุตติ’ , ด้วย มิใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อ ผู้คน อีก สัก ๕๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปี ข้างหน้า จะสะกิดใจ, รู้สึกถึง นิมิต และสีมานิมิต ตามเขตกำหนดจริง ที่เป็นธรรม ไปตามรูปธรรม, แล้วตระหนักรู้ได้เองว่า ‘น้ำลึกเท่านี้ เงาประมาณเลยไม่ได้เลย เท่านี้’, เพราะ การตามแก้วาทะ ที่ ขัดกันกับการสร้างประโยชน์ มันต้องตามแก้กันมาเรื่อย ๆ อย่างนี้, เช่นว่า ทำตำนาน เช่นว่า นี้ แล้ว ทำบทขัดตำนาน เช่นนั้น เป็นต้น, ไม่ใช่ ใช้การกระทำ ตีทิ้ง! หรือ ตีกิน! ตามส่วนที่ถูกกับตนเอง หรือมิถูกกับตนเอง, ดังนี้ จึงไม่ควรสำแดงโดยมติ ดั่งนั้นต่อไปแล้ว เพราะส่วนแห่งวิทยาการ ก็เพิ่มเติม ก็แสดงให้ทราบถึงสิ่งที่พึงสำเหนียก ว่า จะไม่พึงต้องอย่างนั้น, เพราะ องคาพยพใหญ่ กระบวนเรือใหญ่ เป็นเรื่องเป็นจริง มิใช่ว่าเรา จะต้องตั้งตนแค่เป็นผีบ้าน ผีเรือนตลอดไปแค่เท่านั้น, ทั้งที่มีปกติ อยู่ในการณ์ใหญ่ และจะใช้ชีวิตเพื่อการใหญ่ อย่างนั้น อย่างไร ก็ได้

ดังนี้ แล้ว การคึกคักเข้มแข็ง ในการประพฤติปฏิบัติ และปรนนิบัติวัฏฐาก กิจการงานธุระ ในพระศาสนาก็ย่อมที่จะมีขึ้น, แล้วการศึกษา แบบที่ ผู้คนที่มีหัวก้าวหน้า ก็ได้ที่ ได้กำลังใจ ที่จะกระทำ และศึกษาไปตามธรรมชาติ, เพราะ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ และบิดาพุทธศาสตร์ และพุทธศาสน์ เป็น องค์เดียวกัน เป็นคนเดียวกัน ในการที่ ตั้งกำหนดญัตติ บวชแปลงนิกาย จากเดิมที่เราเป็นนิกายศิลปวัฒนธรรม ต่อมาจึงเป็นธรรมยุติกนิกาย พวกเรา ได้ เป็นนิกายวิทยาศาสตร์พุทธศาสตร์ เมื่อ พระพุทธเจ้าหลวง ได้บวชแปลงนิกาย มาจากพระปรมาจารย์ ซาย พุทฺธวํโส แล้ว นั้น สำหรับพุทธศาสนาสุวรรณภูมิของเรา, การบันลือ และการศึกษาสัจจะ ตามแบบดั้งเดิมจึงเกิดขึ้น, และ อณู ความละเอียด ของ นิกายวิทยาศาสตร์ ของเรา ฉะนั้น ก็ทำให้เกิดเรื่อง ‘ปัญญา ญาณ และนิรุตติ’ สำหรับ การงาน ที่จะสถาปนาทุกสิ่งสารพัด ให้แก่ชาติประเทศสุวรรณภูมิ ไปตามความแท้จริงของภาษา และเป็นไปตาม ความเป็นสัจเป็นจริงของภาษา แบบสุวรรณภูมิ”
 
blank

สรรพาลังการ Thai ศัพท์

unread,
Dec 3, 2025, 1:52:15 AM (11 days ago) Dec 3
to reg...@googlegroups.com, wa...@googlegroups.com
blank
Vijja Bhagi
Sarata Ngan Roi Kaeo Ubai
 
“จะยืนหลักเดิมเข้าว่า เพื่อหาความบริสุทธิ์ของภาษา หรือความดั้งเดิมของภาษา ว่าของเราอยู่ตรงไหน ที่จริง เราไม่ต้องเป็นนักภาษาศาสตร์ดีกรี ต่างประเทศดอก, แต่เรา ค้น หรือคืบเข้าหา คตินิทานพื้นบ้าน นั่นแหละชะงัดกว่า, และยิ่งว่า จะสร้างคำที่มีความหมายเท่าเดิม หรือลดความแสลง หรือสแลงของภาษาด้วยแล้ว จะพึงทำอย่างไร?, ที่จริง น่าคิดว่า เราควรต้องดึงเข้าภูมิดั้งเดิมของเราเอง นั่นเอง จึงจะได้ยาแก้โรค ถูกโรค และรักษาโรคให้หายขาดได้, ไม่ใช่ จะว่าออก หาภาษายุโรป หา ภาษาอังกฤษกันไปตะพึด, ซึ่งที่แท้ เขาก็เป็นภาษากลาย ๆ หรือเป็นภาษาที่แสลง ไปยิ่งกว่าของเราไปอีก หรือ ก็ไม่อาจจะทราบ, แต่ทว่าเราเป็นของเราเอง เราจะเป็นพระเป็นโจร เราเป็นของเราเอง เราหาทางแก้ของเราเอง ย่อมถูกธรรม และ ย่อมถูกความไม่เสียใจ หรือว่า จะต้องถือว่าได้ทำการให้เป็นโมฆะเปล่า เช่นนั้น ย่อมจะไม่มี,

มิใช่ ว่า เราประพฤติ กระทำการ ฉวัดเฉวียน ประพฤติผิดร่องผิดรอย นอกกรอบ หาทางไป โดยไม่มีเหตุ ไม่มีหลักเกณฑฺ์ หรือทำผิดคติธรรม, ดังนั้น แล้ว อย่าหาว่า ทำยาก หรือหาใช้คำยาก แต่เราชิน ที่จะไปค้นไปหา ไปเอาฝอยมาจากของเมืองนอก, พอพูด ไปส่วนภาษาพื้นถิ่น ไปภาษาพื้นถิ่น ไปอารมณ์ สุวรรณภูมิบ้านเรา เราก็เลยไม่อยากฟัง, จนกระทั่งกลายเป็นว่า เราทำความดีตามแบบของเราเอง กลายเป็นเรื่อง ถูกประณามว่า ทำผิดวัฒนธรรม ดูล้าหลัง และดูป่าเถื่อน, ซึ่ง ยก และสรรเสริญวัฒนธรรมสากล ฉะนั้น กันไปจนผิดประเด็นไป, จนมีแต่อาการเจ็บป่วยที่แก้ไขไม่ได้ ไปตามแบบฉบับโลกสากล นั่นเอง, แต่พูดไปอย่างนั้น สมัยนี้ หรือความที่เราต้องการ การันตี ผลสรุปงานวิจัย มันก็เลยอาจจะแย้ง ๆ กันอยู่, ถ้าจะบอกออกไปจากสามัญสำนึกเท่านั้น, ก็จึงไม่ค่อยฟัง หรือไม่มีใครค่อยเชื่อ ว่า ภาษาบาลี หรือมาคธะ ฉะนั้น ไปใกล้กันกับภาษาพื้นถิ่น หรือภาษาพื้นบ้าน มากกว่า ที่จะใกล้กันกับภาษาไทยแบบมาตรฐาน

แต่ทีนี้ ก็คงจะหาว่า ทำฉวัดเฉวียน หรือทำประพฤติผิดร่องผิดรอย นอกกรอบ นั่นเอง, แต่ที่จริงไม่ใช่, เพราะแค่สื่อ และส่องแสดงภูมิประเทศจริง ไปอย่างนั้น มันก็เลยดูยาก, เพราะ ไม่ได้ส่องแสดงทางลัด หรือบรรยายสภาพจุดหมายที่ถึงแล้ว, ฉะนั้น กลบท หรือส่วนอธิบาย ที่สาธยาย มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น, ซึ่ง เมื่อถอดความ แล้ว ใช้ประโยชน์ได้จริงแน่ และเป็นค่าประมาณ ที่มีมาตรฐานสูง ที่อาจจะสูงกว่า ค่าเกณฑ์เฉลี่ย สำหรับมาตรฐานสากล ก็อาจจะเป็นได้ แต่เป็นความจริงของเราเองจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องซื้อเขา หรือต้องร้องขอการรับประกัน หรือขอการการันตีจากเขา, ฉะนั้น จึงอยากที่จะ ให้เห็นคล้อยตามกัน ลงในเรื่อง ที่จะต้องดูยากสักหน่อย หรือยากสักเล็กน้อย เพราะจะต้องสะกด! และจะต้องบังคับทิศทาง กันไป อย่างเต็มกำลังความสามารถ ในส่วนที่ อาจจะทำให้ดีได้ ด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยที่ ไม่ต้องไปตามอำนาจของเครื่องมือ หรือต้องเป็นไปตามอำนาจที่ชักโยง ที่เราไม่ชอบ, ดังนี้ สู้ยาก! กัดฟันฝืน ลุกขึ้นยืนหยัดเอง จึงดีกว่า การที่จะต้องยอมใจ แก่การที่จะต้องทำไปง่าย ๆ”
 
blank

สรรพาลังการ Thai ศัพท์

unread,
Dec 3, 2025, 1:52:29 AM (11 days ago) Dec 3
to reg...@googlegroups.com, wa...@googlegroups.com
blank
Vijja Bhagi
Sarata Ngan Roi Kaeo Ubai
 
ตอบโพสต์ ที่ ๑

“เรื่องสมาธิ ถ้า อยากที่จะให้ได้วงงาน หรือการพูดคุย แบบที่มีประเด็น ก็ต้องเปรียบเทียบเป็น หรือเปรียบเทียบไปที่งานไปเลย, เพราะสมาธิ ก็เป็นงานองค์ความ หรือองค์ธรรม คือการประกอบถูก จึงจะได้ ไม่ใช่งาน ทำไป ๆ ต่อคืบไป อย่างการบวกเลข หรือขึ้นบันได, ดังนี้ จึงน่าที่จะกล่าววงงาน หรือกล่าวลงที่งานได้เลย, เพราะว่า มีความเข้าใจเรื่องสมาธิกันในระดับดีแล้ว, ซึ่งก็เหมือนกับงานเทคโนโลยีการศึกษา หรือ งานเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตนี้เหมือนกัน, ว่าเขาไถ เขาหว่าน เขาเก็บเกี่ยวอย่างไร? หลังจากประดาแพลตฟอร์มต่าง ๆ รันข้อมูลแล้ว, อุปมาก็เหมือน จิต ว่า องค์ธรรมอย่างนี้ ประกอบอย่างนี้ ประกอบจิตดังนี้ แล้วทำงาน ประกอบจิตดั่งนี้แล้วก็พักสงบ หรือพักผ่อน

ซึ่งสมัยนี้ การตั้งพิจารณา หรือวินิจฉัย เกี่ยวกับงานสมาธิ ฉะนั้น ก็ยังต้องอาศัยการสอบสวน การตีความอยู่ เพราะมิได้มีพระพุทธเจ้าปรากฏพระองค์จริงอยู่ให้ใครได้ซักถาม, เช่นว่า ยังคงศึกษากันว่า สมาธิมีนิมิต อาศัยนิมิต เป็นสมาธิสำหรับสร้างงาน เรียกว่าภาวนาลักษณะ แล้วทำตามโคลงสร้างหรือเป้าหมาย, และอีกประการคือ สมาธิไม่สร้างงาน ไม่ทำงาน เรียกว่าสมาธิไม่มีนิมิต ไม่อาศัยนิมิต เพราะมุ่งความที่ต้องปลอดจากงาน หรือปลอดจากภพมนุษย์ เรียกว่า การภาวนาอารมณ์, ดังนี้ คือเรื่อง การศึกษา และพิจารณา และวินิจฉัย งานสมาธิ กัน หรือทั่วไป ในปัจจุบัน โดย มิได้มุ่งโวหาร หรือการเชือดเฉือนกันในทางวาทะ ว่าจะยกย่องสมาธิ หรือจะไม่เอาสมาธิแบบขั้นบันได

ดังนี้ ก็เช่นกัน ถ้ากล่าวถึงการตรัสรู้ธรรม ก็ต้องอาศัยการประกอบถูก คือถูกองค์ธรรม หรือถูกองค์ความต่าง ๆ ด้วย ที่ประกอบ มันถูก มันก็ได้จิตญาณ ประเภทนั้น มันก็ได้สติสมาธิประเภทนั้น มิใช่ ว่า เป็น การดำเนินไปอย่างกะบวกเลข หรือไต่ขึ้นขั้นบันได, ลงในเรื่อง ของการได้ประสบความรู้แจ้ง หรือรู้แจ้งในส่วนนั้น ๆ, และด้วยเรื่องการประกอบนั่นเอง ด้วยเรื่ององค์ธรรม องค์ความ และวัตถุธรรม ที่เริ่มมาจาก พระอรหันต์ท่านทำมานั้น ยังไม่ได้ไปถึงจุดที่แสดงปรากฏการณ์ ตามสมควร ที่จะเป็นความรู้, คือ เรื่องสมาธิงานพระไตรปิฎก สมาธินิมิตพระไตรปิฎก นั้น หรือสมาธิสีมานิมิตสุวรรณภูมิฉะนั้น ยังประกอบกันได้ไม่สมบูรณ์ ยังไม่ถูกองค์ความองค์ธรรม, ก็จึงเป็นปัญญา และปัญหาของสมาธิ สำหรับงานศาสนาพุทธ

ด้วยที่จริง ข้ออรรถ ข้อธรรม ทางสมาธิ หรือ สมาธิกำหนดนิมิต คือพระไตรปิฎก นี้, ส่วนใหญ่ ในยุคข้อมูลข่าวสาร และอินเทอร์เน็ต สมัยนี้ ได้ยก ข้อ อรรถ สมาธิ เป็น ข้อเดียวกันกับ ข้อ พยัญชนะ สมาธิ ไปแล้วดังนั้น, คือ ในยุค ทำงานด้วย การ ดำริ!คิด แล้ว ให้ ทำ!ลิขิต ไปดั่งนี้ ข้ออรรถ ของทุกสิ่งสารพัด ที่จะต้องสถาปนา มันหมายความว่า ต้องสมบูรณ์และบริบูรณ์ด้วยพยัญชนะ จึงจะให้ นิมิต แห่งการสถาปนาทุกสิ่งสารพัดนี้ เป็นจริง, ฉะนั้น สมาธินิมิตพระไตรปิฎก เรา จึงมีการกล่าวถึงการกระทำพระไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์กันมากยิ่งขึ้น  ซึ่งหมายถึงการประกอบกรรม กันทางฉบับดิจิทัล หรือฉบับสำหรับอินเทอร์เน็ตนี้ นั่นเอง ที่ควรสมบูรณ์บริบูรณ์ ถึงที่ความเป้นคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง, เป็นเรื่อง ที่ คนรุ่นนี้ หรือยุคนี้ ตั้งจิตสมาธิ ว่าจะทำ”

ตอบโพสต์ ที่ ๑

“ที่อ่านอยู่นั่นหน่ะมันไม่ใช่คำสอนของพุทธเจ้า จะคงเรียกว่าพระไตรปิฎกฉบับปัญญาประดิษฐ์ก็ยังได้ เพราะฉบับแท้จริงนั้นจะต้องสมบูรณ์, ซึ่ง วิธีสอบสวน ที่ครูบาอาจารย์ และพระพุทธเจ้าประทานเองฉะนั้น เป็นอย่างนั้น, คือที่เขียนผิดเขียนถูก ฉะนั้น หน่ะ อาจจะ สมบูรณ์ โดยอรรถ บ้าง ก็อาจเป็นได้ แต่มันไม่สมบูรณ์ โดยพยัญชนะ, ซึ่งความไม่สมบูรณ์ โดยพยัญชนะ นั่นแหละ เรียกว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า,  

แล้วยิ่งแล้ว ยุคข้อมูลข่าวสาร ยุคสร้างความเจริญ โดยการตรากฎ ตราหนังสือ เป็นยุคที่ถือ ความสมบูรณ์บริบูรณ์ โดยพยัญชนะ ว่าเป็น อรรถะ, ดังนั้น หลัก ที่จะ แสวงหาคติ  หลัก ที่จะ ปรารภธรรม ปรารภเหตุ จึงต้องเป็นเรื่องนี้ สำหรับผู้ที่อาจสามารถ, คือ มนุษย์เรา จึงพยายาม ในการที่จะสร้างความร่วมมือ หรือหาความร่วมมือ ในการที่จะสร้างจะทำ พระไตรปิฎก ฉบับสมบูรณ์ ให้มีขึ้น, คือ ให้สมบูรณ์ เฉพาะชาติสยามเราก็ยังดี เพราะว่าเราอาจสามารถ, ในการที่จะทำพระไตรปิฎก คือคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เกิดขึ้นจริง

ไม่ใช่มัวบ้าสรรเสริญพระไตรปิฎก ทั้งที่ มันเป็นเพียงหนังสือห่วย ๆ ที่มีข้อพิรุธ มีข้อชำรุด บกพร่อง ตกหล่น วรรคตอนผิดพลาด และมีคำเขียนผิดพิมพ์ผิด อยู่อย่างมากมาย, ฉะนั้นแล้ว หลวงพ่อ ไม่อยากให้เพลินหลง ผิดพลาด ผิดทางไปจากสารธรรมที่ควร ซึ่งโดย ที่ สุด เมื่ออ่านมากแล้ว อ่านจบแล้ว ก็จะต้องพบว่า แม้นการตรา หรือพิมพ์พระไตรปิฎก ไว้ด้วยอักษรไทย ที่จริงก็ไม่สมควร, เพราะว่า เป็นการทำให้พระไตรปิฎก กลายเป็นหนังสือประโลมโลก มากกว่า ที่จะเป็นสิ่งมีค่า”

ตอบโพสต์ ที่ ๑

“ศาสนบริษัท ที่เหมาะควรกับ พุทธจักร พุทธเขต พุทธอาณา แบบสายอื่น พึงควรไปศึกษาสายอื่น หรือสายที่อ่อนคำสัจปฏิญาณ ฉะนั้น และเก่งในการดัดแปลง เก่งในการปฏิรูป นั้น ท่านเหล่านั้น มิได้มีใด จำเป็น ที่ต้องมาก่อกวน หรือถ่วง ศาสนาพุทธสายสุวรรณภูมิ, เพราะ ศาสนาพุทธเปิดกว้าง มีได้มากถึง ๑๘ นิกาย ท่านใดที่ยังมีศรัทธาอ่อน ก็จึงไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษา แบบเถรวาท หรือหินยานก็ได้ เพราะมาเป็นตัวถ่วง, และเพราะว่าศึกษาไป ก็จะแต่แค่เพียงนำไปดัดแปลง หรือนำไปปฏิรูป มิใช่ว่าจะมาปฏิบัติธรรมจริง”

ตอบโพสต์ ที่ ๑

“อย่าไปดูเปะปะไป ไม่มีประโยชน์ จะเป็นแต่เพียงผู้ดูเบาจากสาระ หรือขาดสาระ, เพราะการ ดูพระไตรปิฎก ถ้ามิใช่เป็นพระ หรือเป็นนักบวชเอง ก็ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลา เพราะในโลกที่เป็นมายาและเป็นแต่สิ่งบันเทิงตีกันยุ่งไปหมด เช่นนี้ หากเราจะมัวไปอ่านแบบเก็บความหรืออ่านเอาความ มันเป็นไปไม่ได้แล้ว มันปนกับคลิปสั้น มันปนกับหนัง ปนกับเพลง ปนกับเกม อะไรเต็มไปหมด รวมถึงสื่ออนาจาร ที่โถมกระแสไม่หยุดอีกด้วย, ดังนี้ ไม่ต้องไปอ่านเอาความ ดั่งนั้น แล้ว เว้นแต่ นอกจากเราจะไปอยู่ในวงการนั้น ๆ ได้จริง คือเราบวชเข้าไปศึกษาเอง แล้วหาเวลาว่าง ๆ ตาม สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศ กำหนด ถึง ที่สมบูรณ์พร้อมพอสมควร แล้วจึงศึกษาวิจัยเองเลย, ดังนี้ ขอแนะนำว่า ไม่ต้องไปสนแบบเก็บความ หรือเอาความ

แต่อ่านแบบแยกศัพท์ แยกเป็นตัว ๆ ไปเลย ดูข้อชำรุด! ข้อพิรุธ ยกขึ้นพิจารณาคติ พิจารณาทำความสมบูรณ์ไปเลย, แล้วตั้งใจว่า จะสร้างคำอย่างไร? จะลดความแสลง หรือสแลง เช่นนี้ เช่นนั้นอย่างไร? ที่เป็นส่วนทำให้ อรรถ ของพระคำในพระคัมภีร์เกิดความเสียหาย แล้วนั้น จะบรรเทืองความเพื่อ จะวิวัฒพัฒนาโลกมนุษย์เราอย่างไร? แล้ว ก็กำหนดการกระทำไปจากความสามารถของตนเองได้เลย, ประโยชน์ในการเพ่งภาวนาจึงจะเกิดกับตัว เกิดกับเจ้าของเอง, ให้นึกถึงคำสอนครูบาอาจารย์ ว่า ให้ภาวนาคำเดียวพอ! ถ้ามันจะได้วิเศษ อย่างไรมันก็ได้วิเศษ แต่ถ้ามันไม่ได้วิเศษ ก็แปลว่าเราไม่มีภาระหน้าที่ ที่จะต้องสานต่อ หรือบันดาลความวิเศษให้

ซึ่ง ที่จริง สมัยนี้ เดี๋ยวนี้ ก็เริ่ม ก็เอะใจ ก็รับทราบ ก็ตระหนักกันดี กันบ้างแล้วว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นการเขียน หรืองานเขียน นั้นหน่ะ ที่จริงไม่มี! หรือยังไม่มี ไม่พบ, เพราะพระพุทธเจ้า แสดงเองตรัสเองว่า คำสอนของพระองค์ เป็นคำสอนที่สมบูรณ์บริบูรณ์ ในทั้ง อรรถะ และพยัญชนะ, แต่ทีนี้ ความจริง! พบว่า พระไตรปิฎก ฉบับ ที่สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยพยัญชนะ ยังไม่มีในโลก ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่ง แต่ที่จริงก็อาจจะสามารถทำได้, ดังนั้น ตามความจริง เราพึง ต้องยอมรับก่อนว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นลายลักษณ์อักษร ที่จริง! ยังไม่มี หรือก็คือยังไม่ได้ทำการประกอบ, แต่ที่นี้ เราจะต้องหาทางภาวนา บริกรรม! ฉะนั้น เราจึงพึงยก บทตั้ง หรือตัดมาเป็นส่วน ๆ หรือยกมาแค่ศัพท์เดียว คำเดียว จึงจะมีหวัง คือย่อมหวังได้ว่า เช่นนี้คือ พุทธพจน์แท้ ๆ”
 
blank

สรรพาลังการ Thai ศัพท์

unread,
Dec 3, 2025, 1:52:35 AM (11 days ago) Dec 3
to reg...@googlegroups.com, wa...@googlegroups.com
blank
Vijja Bhagi
Sarata Ngan Roi Kaeo Ubai
 
“รักษา หน้ากระดานนี้ ไว้ได้ ด้วยการพูดเล่น ทำเล่น แต่กลับรักษาแท็ก รักษาหน้ากระดานนี้ไว้ได้ ก็แปลกดี, เพราะ โพสต์ ที่ ต้องตั้ง นะโม หรือ โพสต์ที่ต้อง แสดง บทตั้ง แบบบาลี ที่งามพร้อมคุณค่า และความสง่า คงทำไม่ได้ดีเท่านี้, เพราะ ถ้าต้องทำอย่างนั้น คงจะถูกกีดกัน หรือไม่ ก็คงมีจุดจบลงที่การไม่ได้มีคนเข้ามาตอบโพสต์ให้เลย โดยภาษามนุษย์, ฉะนั้น แล้ว ก็ต้องเลิกโพสต์ไป, และเมื่อ พิจารณา ว่า การทำเล่น การพูดเล่น ทำไม? จึงได้ครองพื้นที่ จึง ได้รักษา ความน่านิยม ของ หน้า กระดานนี้แท็กนี้ไว้ได้, ก็น่า ที่จะดูว่า คงมิใช่ เพราะ การทำ เสียเกียรติศักดิ์ พังเกียรติยศ งานพระไตรปิฎก กันมาก แต่โดยมากดีทีเดียว อะไร?, เพราะ หวังประโยชน์ด้วยกัน ไม่ได้ พูดถึง หรือแสดง การใช้ ฟอนต์ ใช้แบบอักษร หรือ แถลง หรือ แสดงลีลาลวดลาย แห่ง สุภาษิต ต่าง ๆ อย่างที่จะแถลง หรือแสดง ประกาศิต และความสง่า, โอ้อวด ความโอฬาริกอัศจรรย์ ไว้ เท่านั้น

แต่นั้น ในแต่ละมุม ที่ยังมีดีไม่ถึงกัน ก็พึงไม่ว่ากัน และจะยังคงเพิ่มต่อ และสานต่อ ให้ ช่วยให้แท็กพระไตรปิฎก ของที่นี้ ให้จงพึง คง ได้ มีคุณค่า และประสบคุณค่า ดี ยิ่ง ๆ ขึ้น ไปเรื่อย ๆ เพราะ ยก การ ทำสมบูรณ์บริบูรณ์ คำศัพท์ พระไตรปิฎก แล้ว มาโยง เชื่อม ความ โยงบท ไว้ให้ทุกวัน กับที่นี้ ก็เป็นเรื่องดี, ฉะนั้น ความสง่างาม คุณ และเกียรติคุณ ของแท็กพระไตรปิฎกเช่นนี้ ก็คงจะดี ต่อไป และ คง มีความสม่ำเสมอ และไม่เสื่อมถอย ต่อไป หรือก็ไม่แย่ จนเกินไปอีกต่อไป แก่การ ที่ต้อง แสดง ความ ปะทะปรมะ หรือความ ที่ต้องเสนอ ลำนำ หรือทำนองที่นำไปสู่ การปะทะกันทางคารม หรือ งานปฏิสังสันต์ อย่างที่จะไม่เป็นคุณประโยชน์ ต่อพระไตรปิฎก, ด้วยเรื่อง ที่ซึ่ง ยัง มิได้ สร้างรูปธรรม ที่ดี ที่เจริญ ให้แก่พระไตรปิฎกกันบ้าง เลย แต่อย่างใดเลย นอกจาก แต่แค่ จะแสดงความอกตัญญูพระไตรปิฎก และพระศาสนา, ดังนั้น ที่ควรไม่ควร ก็จึงไม่แสดง หรือเสนอ ที่จะต้องมาถาม หรือแสดงโพสต์ ด้วย จรดแต่ ความเป็นห่วง คือเป็นห่วงกังวล ปัญหาอย่างนั้น 

ดังนี้ เมื่อค้นคว้า หรือ โน้มที่จะพิจารณา ตอบ ตามแท็ก ว่า ‘บัญญัติความเป็นพรหม กับความเป็นพรหม’ เป็นเรื่องเดียวกัน หรือคนละเรื่องกันอย่างไร?,  จะบัญญัติ ชื่อญาณ และชื่อความรู้ อย่างไร?, ก็เห็นว่า ศัพท์บัญญัติ เช่นกล่าวนั้น มีนัย! ที่น่าพูดถึง จริงอยู่ เกี่ยวกับความสำเร็จรูป หรือเป็นปัจจัยสำเร็จรูป ในตัวของมันเอง แก่ศัพท์บัญญัติ ว่า ‘พรหมณ’ ๕ อักขระ ๕ พยัญชนะ หรือ ๔-๕ อักขระพยัญชนะ, ฉะนั้น กับศัพท์ คำนี้ สำหรับ นักวิจารณ์ภาษา หรือนักศึกษาภาษา คงอยากที่จะวิจารณ์ คำว่า  ‘พรหมณ’ นี้ คงเป็นเรื่องภาษาต้นกัป มาจากกัป หรือลักษณะ วาระ หรือมหาวาระ ที่เรียกว่า พรหมลิขิต ซึ่ง ก็ต้อง ลิขิต ไปตามปัจจัยสำเร็จรูป นั่นแหละ ๕ อย่าง อาการ ของรูป, ซึ่ง นักภาษา หรือนักวิจารณ์ภาษา นิยมศึกษา ใคร่ครวญกันเรื่องนี้ กันเป็นงานอดิเรก และการพักผ่อนหย่อนสมอง

ยกตัวอย่าง เช่นว่า นักภาษา หรือนักวิจารณ์ภาษา โดยมากทั่วไป เชื่อว่า ภาษาต้นกัป ตามแบบฉบับพุทธกัป หรือ แบบ ตถาคตลิขิต ไม่ แสดงปัจจัยสำร็จรูป ตามรูป ตามเสียง อักขรพยัญชนะ เช่นนั้น เช่นภัทรกัปนี้เป็นต้น มีภาษา รูปอักขระ เป็นปัจจัยสำเร็จรูป หรือบทตั้ง! ก็คือ ‘ตรสมป’ หรือกัป อื่น ๆ กว่านี้ ที่นักภาษาสมัครเล่น หรือนักวิจารณ์ภาษาสมัครเล่น เชื่อว่า หรือศึกษากันแล้วว่า มีภาษาต้นกัป คือบทตั้ง! ที่เรียกว่า ‘กตปวย’ ก็มี, เช่นเดียวกันกับ เรื่อง ‘พรหม หรือ พรหมณ’ นั่นแหละ ภาษา หรือเรื่อง ‘บัญญัติของพรหม’ หรือ ที่จริง พึงจะเรียกว่า บทตั้ง! คือภาษาต้นกัป ก็ได้ ที่จะต้องแสดง หรือให้คงความสำเร็จรูป เช่นนั้นไว้ไม่แปรเปลี่ยน จนกว่า เรื่อง ตามแบบ ที่พระตถาคตลิขิต จะเข้ามาแทนที่ได้หมด, ดังนี้ ท่านถาม หรือแสดงเรื่องพรหม มาแล้ว หลายเวลา, ส่วนหนึ่ง ก็จึงอยากที่ จะ แสดง เรื่อง  ‘บัญญัติแห่งพรหม’ ให้ทราบด้วย, ซึ่งได้มีเรื่องมาตั้งแต่ โบราณกาลดึกดำบรรพ์ โน่นแล้ว”
 
 
blank

Phra Kulavaddhano

unread,
Dec 6, 2025, 6:48:21 AM (8 days ago) Dec 6
to พุทธาณาจักร
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages