พิสูจน์ใจ พิสูจน์ตำรา พิสูจน์อักษร?
“จะมิใช่หมายถึงการบรรพชาดอกหรือ? ว่ากล่าวไปอย่างนั้น ในบรรดาอรรถาธิบาย เพราะว่าการบรรพชา หรือการบวช ย่อมจะต้องมีชีวิตเนื่องจากผู้อื่น คือ ย่อมต้องขอเขาทั้งนั้น ในเรื่อง ปัจจัยยังชีพ หรือดำรงชีพ โดยที่ตนเอง จะนับว่าตนเองไม่มี (กระบวนการ) ก็นับไม่ได้, ซึ่งก็เป็น เหมือนดั่ง วลี โวหาร ที่บอกว่า เป็นเหมือนดั่ง พระจันทร์ เสี้ยวที่ ๑๖ นั่นแหละ ซึ่ง เป็น วลี หรือโวหาร ที่มีมานานก่อน ที่จะมีการ ตราศัพท์ หรือแทนศัพท์ ว่า อรูป หรือ อนัตตา หรือ จะว่า อย่าง ‘นิรัตถะ’ หรือ ว่า นิรัตตา อยู่อย่างอัศจรรย์วิเศษ ก็ตาม แต่ นั้น มิใช่ หมาย ไปว่า จะเป็นได้ หรือ เกิดลอย ๆ ได้ อย่างสิ้นเชิง โดยมิได้มีสิ่งใดเป็นปัจจัย อิงอาศัย
ซึ่ง แต่เดิม ก็เห็นจะเป็น การยกว่า เข้าแก่เรื่อง เสี้ยวที่ ๑๖ นั่นเอง, เพราะ เมื่อ หากว่า ไม่นับ ความดับ ความเกิด ที่มี มาจรดจนถึง ส่วนที่ ๑๕ แล้ว ส่วน เสี้ยวที่ ๑๖ ก็ไม่มี, และแม้นการรู้ว่า เสี้ยวที่ ๑๖ ตามความ ตาม วลี ตามโวหาร ตามสำนวนธรรม ว่าคืออะไร?, แต่ที่แท้ ก็คือรู้ว่า ไม่มี นั่นเอง และจะกล่าวว่า ย่อมเป็น นิรัตถะ เสียด้วยซ้ำไป คือย่อม ว่า ‘มิมีใดเป็นสาระ’, ดังนี้ การรำพันถึง การหวนคิดหา จึงต้องกล่าวว่า เนื่องจากอะไร เนื่องกับอะไร?, และเช่นกัน การบรรพชาอยู่ได้ ก็ต้อง อยู่ ได้เพราะ สิ่งที่เนื่องไปกับปัจจัย ๔ ที่ ประดา สาธุชน ยินดีถวาย หรือยินดีที่จะให้, แต่ ฉะนั้น การจะว่า การบรรพชา หรือการบวช มิมีใดประโยชน์ ย่อมจะกล่าวมิได้
เพราะ ไป ๆ มา ๆ นักปราชญ์บัณฑิต ย่อมที่จะต้องกล่าวแสดง แถลง ซึ่งปรัชญา, คือย่อมที่ จะเห็น ปัญญา ภาพสะท้อน หรือมุมสะท้อน นั้น ๆ ว่า, อ้าว มิใช่ว่า ความ เกิด ความดับ ในทั้ง ๑๕ คาบ เช่นนั้น ความมีอยู่ เป็นอยู่ ของทุกวาระ และมหาวาระ ก็คงจะเป็นเพราะความเปล่า ๆ ของเสี้ยวที่ ๑๖ (ว่าไม่มี) ดอกกระมัง ที่เป็นฐาน หรือสมุฏฐาน ให้ทุก ๆ วาระ อ้างถึง เพราะความไม่มี ก็คือความมีอยู่ ของ ๑๕ วาระ นั้น นั่นเอง, ซึ่ง แต่พราหมณ์มหาศาล ซึ่ง แต่คหบดีมหาศาล ซึ่ง แต่กษัตริย์มหาศาล จัก ได้มี จักรา อายน อาคม หรืออาพันธ์ อย่างไร? ทั่วทั้ง กลจักร สากล ไปทั้งหมด แต่ที่แท้ ก็พึง กำหนดไป เพื่อ ทางแห่งบรรพชา จะรุ่งเรืองได้นั่นเอง
เพราะ การที่จะกล่าวว่า นักบวช มีตัวมีตน ฉะนั้น ย่อมไม่จริง เพราะ การออกบวช เป็นแต่กิริยา เป็นอาการ เป็นปรากฏการณ์ ซึ่ง อาทิ ธรรม และ อาทิ กรรม ต่าง ๆ ที่พราหมณ์ บ้าง กษัตริย์บ้าง หรือ คหบดีบ้าง เป็นผู้กระทำ แล้วย่อมมิได้ให้ความคืบหน้า ได้ดำเนินไปได้ตลอด ย่อมจะดำเนินไปไม่ได้เลย, เพราะ ว่า เมื่อไม่มีความ อะไร? เลย ที่ให้ไปถึงเสี้ยวที่ ๑๖ คือ ไม่ไปถึงความไม่มี แล้ว เสี้ยวที่ ๑ หรือ วาระ แรก ก็ย่อมจะไม่มี, ดังนี้ จึงเห็นชัดเจนว่า พราหมณ์ทั้งนั้น กษัตริย์ทั้งนั้น คหบดีทั้งนั้น ที่ทำการสนับสนุนและเอื้ออำนวยไว้อย่างเต็มที่ รอบด้าน ในการที่จะให้โลกแห่งการบรรพชา เป็นไปได้ หรือมีเกิดขึ้น, นัยเพราะว่า ปวงคนเหล่านั้น ต้องการ วาระ ต้องการปัจจัย ที่จะดำริผลิผล ให้สนธิ กำเนิดเกิดก่อ ความเกิดดับ สิ่งที่จะสรรสร้าง และสถาปนา จึงต้องให้มีส่วนเสี้ยว ที่ ๑๖ นั่นแหละ เป็นอีกกรรม เป็นอีกวาระหนึ่ง โดยนัยที่ต้องกล่าวว่า ไม่มี”
งานพิสูจน์อักษร ความฉบับประชาชน ☺
…สูตร ทุกสูตร เทียบนิรุตติปถสูตร จึงได้ ที่สถาปนาความ เป็นข้อบท เป็นข้อวัตร ข้อฝึกหัด ข้อศึกษา ต่อไป, ลงแต่ถ้าข้อวัตร จะทำไปเท่านั้น เพราะเป็นแต่เรื่องสูตร, แต่ เรื่อง อื่น ที่มิใช่ วัด หรือวัตร ตวง หรือต้องชั่ง ให้ได้, ถ้าความ ไม่ใช่แค่เช่นนั้น เพราะเป็น เรื่อง พุทธจักร พุทธเขต พุทธอาณา พระพุทธวจนะ อันจะจำราย ให้ได้ พึงต้องว่ากล่าว ตลอดถึง นิรุตติธรรม, ซึ่งคืบหน้าไปโดยบท โดยความ โดยธรรมของพระเถระ…

🙀
อีเมลนี้มีประโยชน์หรือไม่ ใช่
ไม่
จากกิจกรรมของคุณ

