 |
Vijja Bhagi
☺ sadhu.
“มาปรารภแต่ ยกขึ้น เล่น สนุก ๆ ก่อกวน เท่านั้น คงจะไม่จริง ดูที, เพราะ โดยรวมแล้ว เรื่อง มัน ก็ ปกติ มีมานานแล้ว ว่า ทำไม?จึงต้องสรรเสริญสมาธิ หรือสรรเสริญสุขจากสมาธิ แต่นั้น ก็ถูกเรื่อง, เพราะต้องแนะนำว่าถูกเรื่อง ในการที่จะพึงได้สุข อันชอบทำ ตามสัมภาวะ หรือสัมมาปฏิบัติ ของตนเอง, ฉะนั้น แล้ว มิใช่จะค้าน แต่ขี้คร้าน จะเตือน ลงแต่ทว่า ความเสื่อม! จากสมธิดังนั้น ท่านจงระวัง! ไว้เถิด เพราะสุขจากสมาธิ ที่ดี ที่มากมายอย่างนั้น เมื่อเสื่อมแล้ว! มีแต่จะทำให้อยากฆ่าตัวตาย ซึ่งได้มีตัวอย่างให้เห็นถมถืด ในยุคปัจจุบัน และในพระปิฎก ก็มาก ในพระองค์ที่เสื่อมจากสมาธิแล้ว ไม่ได้สมาธิแล้ว ก็อยากแต่จะกระทำอัตวินิบาต, ฉะนั้น ด้วย นัย อย่างนั้น ใครก็เลยไม่อยากที่จะพูด จะคุย ด้วยนัก เรื่อง ญาณ หรือ ทัศนะ อะไร? ที่จะทำให้ไปสู่สมาธิ, อันความมิใช่แต่ว่า ติ!สมาธิ หรือมิสรรเสริญสมาธิ ย่อมจะมิใช่, แต่ที่จริง ศาสนบริษัท ทั้งสิ้น ทั้งผอง ท่าน อยากที่จะให้ ปวงชน ได้เจริญศรัทธา เช่น การ ‘เจริญตถาคตโพธิสัทธา’ เป็นต้น เพราะความที่ ตถาคตโพธิสัทธา เป็นศรัทธาตัวค้ำประกัน ไม่ให้ ผู้ปฏิบัติ เสื่อมจากสัมมาปฏิบัติ ดีกว่ามัวที่จะไปอยากได้สมาธิ จากญาณ เช่นนั้น หรือทัศนะ เช่นนั้น ซึ่งต่อไป ก็มีแต่ จะยก จะสรรเสริญสมาธิ ที่เมื่อไม่ได้แล้ว หรือเสื่อมแล้ว ก็มีแต่จะอยากฆ่าตัวตาย, ดังนั้น ถึง แต่ จะปรารภ ธรรม อย่างนั้น การณ์ อย่างนั้น จริงหนักหนา เพราะพอสมควร แก่การจะเล่นญาณ เล่นฌาน และสร้างความวัฒนาต่าง ๆ แก่ทัศนะ ตามประการดีต่าง ๆ ของตน, แต่ที่จริง ก็ต้องเตือนบ้างอยู่ดี ว่าพึงต้องเจริญศรัทธา ไปพร้อมด้วย จึงจะถึงที่สมควรแก่งานปฏิบัติ, อย่างยิ่งขึ้นไป ยิ่งโดยเฉพาะ ความมีศรัทธาในพระตถาคต หรือธรรมของพระตถาคต”

|
 |