ชนชั้นสร้างสรรค์นั้นสำคัญไฉน? ?

34 views
Skip to first unread message

tvsawang

unread,
Apr 17, 2009, 3:12:21 PM4/17/09
to Thai Creative Industries Forum
ชนชั้นสร้างสรรค์นั้นสำคัญไฉน? ?
วิริยะ สว่างโชติ
( คัต-รีมิกซ์เวอร์ชันจากงานเขียนเก่าใน http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=205)

เรื่องชนชั้นสร้างสรรค์ (creative class)
อาจจะยังไม่ได้มีการกล่าวถึงมากนักในสังคมไทย
แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะอยู่กับงานสร้างสรรค์อิสระของสังคมธุรกิจในไทยมาซักพักหนึ่งแล้ว
ที่จริงแล้วพวกเขาค่อยๆ ปรากฏให้เห็นช่วงเกือบ 20 ปีก่อน
แต่เริ่มชัดเจนมากขึ้นในยุค " หลังฟองสบู่แตก " ในปี พ.ศ. 2540
แม้ว่าแรกๆจะดูเหมือนเป็นยัปปี้( yuppie: young urban professional)
ที่ตกงานมา "เปิดท้ายขายของ" แต่ชนชั้นสร้างสรรค์ก็ต่างออกไป ...พวกเขา
ไม่ได้เอาของเก่ามาขายเท่านั้น แต่พวกเขาดูจะยินดีกับการผลิตงานต่างๆ
ไม่ว่า เพลง เสื้อผ้า ของตกแต่ง หนังสือ โปสการ์ด ฯลฯ
ที่มีสไตล์ออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน
งานจะขายได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะมูลค่าสินค้าถูกประเมินจากความสุขในการทำงานมากกว่าผลตอบแทนด้านวัตถุ

ในแง่ของนิยามชนชั้นสร้างสรรค์ถูกให้นิยามโดย ริชาร์ด ฟลอริดา
ศาสตราจารย์ด้านการพัฒนาภูมิภาค แห่งมหาวิทยาลัย คาร์นากี้ เมลลอน
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในงานหนังสือเล่มสำคัญของเขาที่ชื่อว่า The Rise
of the Creative Class ที่ออกจำหน่ายในปี พ.ศ.2545
เขาได้ศึกษาถึงปรากฏการณ์การเกิดขึ้นของชนชั้นสร้างสรรค์ในอเมริกา
ภายใต้มโมทัศน์นี้ศาสตราจารย์ฟลอริดาเชื่อว่า
ด้วยแรงขับของสำนึกในด้านดีจะทำให้การทำงานด้วยพลังสร้างสรรค์ของพวกเขาเหล่านี้
ส่งผลที่ดี ทั้งต่อผลิตภัณฑ์ / ผลงาน และส่งผลในด้านสังคมด้วย
ซึ่งหมายถึงว่ากิจกรรมต่างๆอันสัมพันธ์กับงานของพวกเขานั้น
จะนำไปสู่การมีชีวิตที่มีความสุขและรวมทั้งการพัฒนามนุษยชาติที่ดีขึ้น
สิ่งที่ฟลอริดาเสนอนี้
ค่อนข้างสอดรับกับแนวทางแบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ (neo-liberalism)
ที่เน้นผู้ประกอบการปัจเจกชน การร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างทุนย่อย
และรัฐ
เขายังเห็นว่าการเกิดขึ้นของชนชั้นหรือแรงงานสร้างสรรค์ในสหรัฐอเมริกาช่วงยุค
1990 นั้นหมายถึงแรงงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่นงานโฆษณา,
ออกแบบสถาปัตยกรรม, ศิลปะ, หัตกรรม, การออกแบบ, การออกแบบแฟชั่น,
งานด้านภาพยนตร์, การพัฒนาซอฟแวร์ในอุตสาหกรรมบันเทิง,
งานด้านโทรทัศน์และวิทยุ, งานด้านการแสดง, การเขียนวาด,
ออกแบบพัฒนาและซอฟแวร์คอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ตาม
คนในกลุ่มแรงงานสร้างสรรค์นี้ยังสามารถโยงไปสู่อีกฝากหนึ่งของโลกตะวันตก
ในแผนงานส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ในปี ค.ศ.1998 ที่เรียกว่า "Creative
Industries Task Force" ของรัฐบาลอังกฤษในยุคแรงงานใหม่ (New Labor)
ของโทนี แบลร์ ด้วยแรงสนับสนุนจากผองเพื่อนในแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิง
แบลร์ ได้จัดทำแผนงานที่ว่านี้เพื่อรองรับคนรุ่นหนุ่มสาว
ที่กำลังก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักออกแบบ นักผลิตแอนิเมชั่น
ผู้กำกับภาพยนตร์ นักดนตรี ฯลฯ
ซึ่งโดยรวมไม่ต่างไปจากสิ่งที่เกิดในอเมริกามากนัก
สำหรับในส่วนภูมิภาคเอเชีย
หลายประเทศได้เริ่มมีนโยบายอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ที่คล้ายกับแผนงานส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลอังกฤษ
ประเทศเหล่านี้มีเช่น ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน, สิงคโปร์, ไทย ฟิลิปินส์
รวมทั้งชาติยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอย่างจีนและอินเดีย
อย่างไรก็ดีในแผนงานของแต่ละประเทศก็ให้คำจำกัดความในเรื่องของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แตกต่างกันออกไป
แต่ก็มีส่วนที่คล้ายกันโดยเฉพาะในเรื่องการก่อตัวของชนชั้นสร้างสรรค์ในเอเชียซึ่งค่อยๆเห็นชัดเจนในช่วง
10 ปีที่ผ่านมา และเป็นกลุ่มที่เริ่มผลักดันเศรษฐกิจสำคัญๆ
เช่นอุตสาหกรรมการตัดเย็บเสื่อผ้า
ที่แต่เดิมเป็นแค่การใช้แรงงานราคาถูกแต่ปัจจุบันหลายประเทศได้เริ่มพัฒนาไปสู่การสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง
ที่จริงในงานของฟลอริดาชิ้นหลังๆเขาพูดถึงกำลังจะมาถึงของชนชั้นสร้างสรรค์ในอินเดียและจีน
ในยุค(หลัง)
วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เราน่าจะเห็นพวกเขาในการเป็นส่วนหนึ่งบทบาทการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถือว่ากลุ่มชาติในเอเชียยังมีศักยภาพสูงในด้านเศรษฐกิจอยู่

ที่จริงอาจไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสังเกตเลย ก็ว่าได้
มีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน ในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและวัฒนธรรม
ระหว่างการเกิดขึ้นและการดำรงอยู่ของกลุ่มนี้ในอังกฤษ อเมริกาและเอเชีย
รวมทั้งในที่ส่วนอื่นๆ ของโลก แต่ประเด็นสำคัญอันก็คือ
บทบาทของชนชั้นนี้ที่มีในเศรษฐกิจและสภาพของวิถีชีวิตโลกในยุคเศรษฐกิจใหม่เป็นอย่างไร
โดยเฉพาะในเมื่อคนกลุ่มนี้ไม่ได้ทำงาน / ธุรกิจ ภายใต้บริบทของประเทศชาติ
หรือทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ แต่พวกเขาอยู่และไปๆ มาๆ ระหว่าง / หลายประเทศ
และเรื่องที่น่าสนใจที่ว่า (กลุ่มคนที่จะก้าวไปเป็น)
ชนชั้นสร้างสรรค์นี้ได้สร้างสรรค์อะไรที่จะมุ่งไปสู่การตีค่าการพัฒนาด้านสังคมเอาไว้บ้าง
ด้วยหลักการที่ว่า "การสร้างสรรค์" จะมีขึ้นไม่ได้ หากปราศจาก "อิสระ
เสรีภาพ"
และที่สำคัญคือต้องไม่มีการเอารัดเอาเปรียบทั้งแรงงานสมองและแรงงานกายของผู้อื่น

สำหรับสังคมไทย หาก "ยัปปี้" ( yuppie: young urban professional)
ในยุคปี พ.ศ. 2530 คือภาพของกลุ่มคนรุ่นหนุ่มสาวที่เติบโตในยุคไฟแนนซ์
และอสังหาริมทรัยพ์บูม เป็นคนรุ่นที่ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย
เที่ยวตามผับกลางคืน แต่ท้ายสุดก็จบลงด้วย "ฟองสบู่แตก" .....
แล้วชนชั้นสร้างสรรค์ในไทยคือใคร? จะเดินรอยตามยัปปี้หรือเปล่า !!!!!
พวกเขาจะอยู่ในสังคมไทยได้นานกว่า "ยัปปี้" หรือเปล่า?
หากอยู่ได้พวกเขาจะอยู่ในบทบาทใด? .... ในเรื่องของสังคม การเมือง
วัฒนธรรม!!! นี้อาจจะไม่ใช่คือคำถามที่ท้ายทายของสังคมไทยในตอนนี้
แต่อนาคตอันใกล้อาจจะ(ใช่หรือเปล่า?)ต้องติดตามกันดู


Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages