สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทราบ

0 views
Skip to first unread message

kaka

unread,
Jan 16, 2009, 10:29:23 AM1/16/09
to กล้องวงจรปิด, k.ak...@hotmail.com
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทราบ
[ ไทย ]


هل تعرف الإسلام؟
[ باللغة التايلاندية ]


ตรวจทาน: ฟัยซอล อับดุลฮาดี
مراجعة: فيصل عبدالهادي


สำนักงานความร่วมมือเพื่อการเผยแพร่และสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด
المكتب التعاوني للدعوة وتوعية الجاليات بالربوة بمدينة الرياض
1429 – 2008

สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทราบ

คุณทราบหรือเปล่า
1. โลกใบกลม ๆ ที่กลมกลืนและงดงาม ฟากฟ้าและแผ่นดิน
ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ต่างโคจรไปในจักรวาลอย่างมีระเบียบและเป็นระบบ
มวลมนุษย์และสรรพสิ่งที่มีอยู่บนโลกหล้านี้
ไม่สามารถที่มีมาได้ด้วยตนเองหรือธรรมชาติ แน่นอนต้องมีผู้สร้าง
และผู้สร้างนั้นคืออัลลอฮฺ

2. อัลลอฮฺ คือพระเจ้าที่แท้จริง ผู้ทรงสร้างมนุษย์ และมวลสรรพสิ่งต่าง ๆ
พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครอง และดูแลสิ่งต่าง ๆ
พระองค์ทรงมีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงมีชีวิต และทรงให้ตาย
ทรงอำนวยและทรงเอาคืนปัจจัยยังชีพ ทรงประทานความโปรดปราน
ทรงให้ความสุขสบาย ทรงให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ทรงให้ฟื้นคืนชีพในโลกหน้า
ทั้งหมดนี้ พระองค์ทรงกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
ดังนั้นทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมอยู่ภายใต้อำนาจของพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น
ธรรมชาติของมนุษย์ต่างยอมรับต่อการมีอยู่ของอัลลอฮฺ
แม้ว่าความคิดเห็นและอารมณ์ของเขาไม่ยอมรับ
พึงสังเกตุ หากผู้หนึ่งผู้ใดประสบกับความทุกข์ยากที่มหันต์
จิตใจว้าวุ่นอยู่ตลอดเวลา ความทุกข์ยากเช่นนี้
หมอที่ชำนาญการก็ไม่สามารถรักษาความเจ็บปวดนั้นได้
แม้ว่าจะมีการให้ยาที่ทรงคุณภาพก็ตาม แต่จิตใจกลับทวีความเจ็บปวดเรื่อยมา
ความเก่งและความชำนาญทางการแพทย์ในโลกนี้
ไม่สามารถอำนวยประโยชน์แก่ผู้นั้นได้เลย ในสภาพเช่นนี้เราจะไปพึ่งอะไร
หวังความช่วยเหลือจากใคร และจะมีความเป็นอยู่อย่างไร ?
ดังนั้นจะเห็นว่า ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของมนุษย์กระซิบบอกแก่จิตใจว่า
ยังมีอำนาจหนึ่งที่สามารถอำนวยความสุขสบาย ความราบรื่น
และปลดปล่อยจากความเจ็บปวดเหล่านั้นได้
อำนาจใดเล่าที่สามารถประทานสิ่งเหล่านี้ ? มิใช่อื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ
พระเจ้าที่แท้จริง

3. มนุษย์คนแรกที่อัลลอฮฺทรงสร้างคือ อาดัม คนที่สองคือ ฮาวา
ภรรยาของท่านเอง จากสามีภรรยาคู่นี้เอง ที่ให้กำเนิดลูกหลานไปทั่วโลก
ดังนั้น มนุษย์ทุกคนมาจากอาดัมและฮะวา
อาดัมถูกสร้างมาจากดิน และฮะวาถูกสร้างจากส่วนหนึ่งของอาดัม
ฉะนั้นมนุษย์ถูกสร้างมาจากดิน และเพิ่มวงศ์ตระกูลจากอสุจิ มิใช่มาจากลิง
ดังที่บางคนเข้าใจกัน

4. อัลลอฮฺทรงประทานคำสอนและศาสนาของพระองค์แก่อาดัมและมนุษย์ทุกคน
เพื่อนับถือศาสนาอิสลาม
อาดัม ฮาวา และลูกหลานของท่านต่างนับถือศาสนาอิสลาม
ที่ภักดีต่ออัลลอฮฺองค์เดียว ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์
ในชีวิตประจำวันไม่เคารพ บูชาและภักดีต่อสิ่งอื่น แต่พอนาน ๆ เข้า
ลูกหลานอาดัมถูกมารร้ายซัยฏอนหลอกลวงจึงทำให้ไปบูชาสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ
ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของอัลลอฮฺในชีวิตประจำวัน

5. เมื่อมนุษย์หลงผิดจากแนวทางของอัลลอฮฺ พระองค์จึงประทานศาสนาฑูตมา
เพื่อแก้ไขความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์ อย่างเช่น นูหฺ อิบรอฮีม มูซา อีซา
ฯลฯ จนกระทั่งศาสนฑูตท่านสุดท้าย คือ มุฮัมมัด

6. คำสอนของอัลลอฮฺที่สำคัญและจำเป็นที่สุด คือ
การภักดีต่ออัลลอฮฺผู้เดียว โดยปราศจากการตั้งภาคีต่อพระองค์
หรือบูชากราบไหว้ต่อสิ่งอื่นอย่างสิ้นเชิง กอปรกับยอมรับว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮฺ และท่านมุฮัมมัดนั้น
เป็นศาสนฑูตของพระองค์ พร้อมกันนั้น
มีการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างแท้จริงในชีวิตประจำวัน

7. ตามคำสอนของอัลลอฮฺผู้ที่ยอมรับเช่นนี้ จะเรียกว่า มุสลิม
(ผู้ที่ยอมมอบตนต่ออัลลอฮฺ) เขาจะได้รับความโปรดปราน ความสงบสุข
ความราบรื่นในสวนสวรรค์ตลอดกาลนานและผู้ใดที่ไม่ยอมรับเช่นนี้
จะเรียกผู้นั้นว่า กาฟีรฺ
(ผู้ที่ถูกปกปิดประตูแห่งจิตใจและปฏิเสธต่ออัลลอฮฺ)
เขาจะรับไปนรกเป็นผลตอบแทน ซึ่งเป็นการทรมานและลงโทษชั่วนิรันดร์

8.ปฏิบัติตามคำสอนของอัลลอฮฺ
ศาสนาที่พระองค์ทรงประทานและทรงพอพระทัยก็คือ ศาสนาอิสลามเท่านั้น
ซึ่งนอกเหนือจากศาสนอิสลามแล้วพระองค์จะไม่ทรงพอพระทัย

9.โลกที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบันนี้ ย่อมมีวันสิ้นสุด ฟากฟ้า แผ่นดิน
ภูเขาและทุกสรรพสิ่งจะต้องสูญมลายทั้งสิ้น
อัลลอฮฺจะทรงกระทำให้ทุกอย่างสูญสิ้น
แล้วพระองค์จะทรงให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ซึ่งเรียกว่า โลกอาคิเราะฮฺ

10.โลกอาคิเราะฮฺเป็นโลกที่อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนแก่มวลมนุษย์
ตามความประพฤติและปฏิบัติของเขาเมื่อครั้นอาศัยอยู่บนโลกนี้
ไม่ว่าจะตอบแทนด้วยสวนสวรรค์หรือไฟนรก
พฤติกรรมของมนุษย์บนโลกนี้ จะถูกสอบสวนและคิดคำนวณอย่างละเอียดที่สุด
ทั้งที่เป็นพฤติกรรมที่ดีหรือพฤติกรรมชั่ว
จากนั้นอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนตามผลคำนวณจากพฤติกรรมที่ดีหรือพฤติกรรมดังกล่าว
มุสลิมที่ประกอบคุณงามความดีมากกว่าการกระทำชั่ว ย่อมได้รับสวนสวรรค์
และมุสลิมที่ประกอบความชั่ว เลวร้ายมากกว่าคุณงามความดี ก็ต้องเข้านรก
ชำระบาปด้วยการทรมานก่อน เมื่อหมดมลทินแล้ว
ก็จะได้รับการพิจารณาเข้าสวนสวรรค์ และพำนักในสวนสวรรค์ตลอดกาลนาน
ส่วนผู้ที่กาฟีรฺ (ปฏิเสธ) ต่ออัลลอฮฺ ไม่ยอมรับท่านศาสนฑูตมูฮำหมัด
ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ผู้นั้นต้องเข้านรกตลอดกาลนาน
แม้ว่าจะประกอบคุณงามความดีบนโลกนี้ก็ตาม
เพราะผลของคุณงามความดีที่ได้สร้างและสะสมไว้บนโลกนี้
จะไร้คุณค่าในโลกหน้า ทั้งนี้เพราะเขาปฏิเสธอัลลอฮฺ และศาสนฑูตนั่นเอง

11. มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทุกคนต้องตาย หลังจากตายแล้ว
เขาต้องอยู่ในโลกแห่งสุสาน
ในโลกแห่งสุสาน เขาจะได้รับการตอบแทนที่ดี
หากเขาเป็นมุสลิมและประพฤติดีบนโลกนี้
ในขณะเดียวกันจะได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี ทรมาน หากเขาเป็นกาฟิรฺ
(ผู้ปฏิเสธ) บนโลกนี้ สภาพเช่นนี้จะมีอยู่ตลอดไป
จนกว่าจะถึงวันแห่งโลกอาคิเราะฮฺ

12. อัลลอฮฺมิได้บังคับมวลมนุษย์ เพื่อยอมรับและนับถือศาสนาอิสลาม
แต่พระองค์มอบสติปัญญา สำหรับคิดใคร่ครวญ
อีกทั้งพระองค์ยังทรงได้ชี้แนะแนวทางที่ดี สิ่งดี และแนวทางที่ชั่ว
สิ่งไม่ดี แก่มวลมนุษย์
พร้อมกับนี้พระองค์ก็ยังทรงบอกกล่าวถึงผลตอบแทนที่จะมีขึ้น
ทั้งที่เป็นการตอบแทนที่ดีและไม่ดี
ดังนั้นตัวมนุษย์เองต้องใคร่ครวญอย่างรอบคอบว่าจะเลือกเดิน /
ใช้ชีวิตไปทางแนวทางใด

พำนักในสวรรค์ตลอดกาล อยู่ในนรกตลอดกาล

มุสลิม กาฟิรฺ

 

สวนสวรรค์ นรก




ผลตอบแทน
ผลตอบแทน




อิสลาม กาฟิรฺ

 

แนวทางที่ดี แนวทางที่ไม่ดี


คิดใคร่ครวญ

13. มนุษย์ทุกคนต้องตาย หลังจากตายแล้ว แน่นอนต้องพบกับอัลลอฮฺ
ซึ่งไม่สามารถหลบหนีหรือปกปิดพฤติกรรมแก่อัลลอฮฺได้
อัลลอฮฺทรงตอบแทนด้วยความยุติธรรมยิ่ง
พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจในโลกอาคิเราะฮฺ ไม่มีผู้ใดที่มีอำนาจ
นอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียว
สวรรค์และนรกเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์เท่านั้นที่จะทรงกำหนดว่า
ผู้ใดจะได้รับสวรรค์และผู้ใดต้องเข้านรก และจะคงอยู่ในนั้นตลอดไป
มนุษย์ทุกคนพึงทราบว่า การใช้ชีวิตบนโลกนี้ มีเวลาชั่วครู่เท่านั้น
หากได้รับความสุขสบายก็เพียงกระพริบตา แต่โลกอาคิเราะฮฺ
จะคงอยู่ตลอดไปตราบนิรันดร์

14. คำสอนที่อัลลอฮฺให้ปฏิบัติ ส่วนหนึ่งคือ
1. ยอมรับว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด ที่ต้องเคารพภักดีอย่างแท้จริง
นอกจากอัลลอฮฺและยอมรับว่าท่านมุฮัมมัดนั้น เป็นศาสนทูตของพระองค์
และแสดงให้เห็นว่า ได้เป็นมุสลิมแล้ว ซึ่งหมายถึง
เขาจะไม่เคารพบูชาสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺผู้เดียวเท่านั้น
และจะปฏิบัติตามคำสอนของอัลลอฮฺในชีวิตประจำวัน
2. ดำรงการนมาซวันละ 5 เวลา ถือศีลอดปีละหนึ่งเดือน จ่ายซะกาฮฺ
3. สร้างคุณงามความดีต่อพ่อแม่ สามี ภรรยา ลูก ๆ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน
แขกผู้มาเยือน ผู้ยากจน เด็กกำพร้า เยี่ยมเยียนผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ฯลฯ
4. ดำเนินการตัดสินต่าง ๆ ด้วยความยุติธรรม
5. ให้เกียรติต่อผู้หลักผู้ใหญ่ และคนชราพร้อมกับให้ความเอ็นดูต่อเด็ก ๆ
6. ศึกษาหาความรู้ที่เป็นประโยชน์ และสร้างความเจริญก้าวหน้า
ตามหลักวิชาการและความรู้ที่แท้จริง
7. ให้คำปรึกษาและแนะนำในสิ่งที่ดีแก่ผู้อื่น
และคบค้าสมาคมอย่างดีต่อเพื่อนมนุษย์
8. ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้
ฯลฯ

15. สิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้าม ไม่ดี ส่วนหนึ่งคือ
1. ตั้งภาคี และเคารพบูชาสิ่งอื่น นอกจากอัลลอฮฺ
2. เนรคุณพ่อแม่ ไม่เชื่อฟังสามี เหยียบหยามผู้ตกทุกข์ได้ยาก
3. อยุติธรรมในการตัดสิน อธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ ทารุณต่อผู้บริสุทธิ์
4. หยิ่งยะโส อิจฉาริษยา และคิดไม่ดีต่อผู้อื่น
5. พูดปด โกรธเคือง ด่าผู้อื่น ใส่ร้ายป้ายสี นินทา หลอกลวง เป็นพยานเท็จ
สาบานเท็จ
6. ลักขโมย ปล้นจี้ ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
สร้างความรำคาญและเจ็บปวดแก่ผู้อื่น ละเมิดสิทธิเพื่อนมนุษย์
7. เล่นการพนัน รับดอกเบี้ย
8. คดโกงตาชั่ง ตักตวง ไม่จ่ายหนี้สิน
9. ผิดประเวณี เกย์ เลสเบี้ยน แก้ผ้าเปลือยตัว เปิดเผยเอาว์เราะฮฺ
อยู่ร่วมระหว่างผู้ชายและสตรีอย่างไร้พรมแดนแห่งศาสนา
10. ทะเลาะวิวาท สร้างศัตรูต่อกัน ฆ่าตัวเองและผู้อื่น
11. ดื่ม เสพของเมา เช่น สุรา และทุกสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น
ยาพิษ เฮโรอีน กัญชา เนื้อสุกร
ฯลฯ

16. พึงทราบ คำสอนทั้งหมดของอัลลอฮฺ
ย่อมนำมาซึ่งความดีและคุณประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์
และสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามนั้นแน่แท้ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดี
และนำมาซึ่งอันตรายทั้งสิ้น ดังนั้น
เมื่อปฏิบัติตามคำสอนและคำห้ามของพระองค์แล้ว
ก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีงามและปลอดจากสิ่งอันตรายทั้งปวง
เมื่อนั้นย่อมนำมาซึ่งความราบรื่น สงบสุข
แก่ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าในที่สุด แต่หากไม่ปฏิบัติตามคำสอนของอัลลอฮฺ
ก็จะไม่พบกับความสุขสบายในโลกนี้และโลกหน้า

17. การรับและนับถืออิสลามนั้น เป็นสิ่งที่ง่ายและไม่ยาก
เพียงแต่กล่าวคำปฏิญาณตนด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ว่า “ฉันขอปฏิญาณตนว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮฺ และฉันขอปฏิญาณว่า มุฮัมมัดนั้น
เป็นศาสนฑูตของอัลลอฮฺ”
ด้วยคำปฏิญาณเช่นนี้ หมายถึง ได้เข้ารับอิสลามแล้ว
ซึ่งความชั่วและบาปต่าง ๆ ที่ได้เคยปฏิบัติมา
ก็จะได้รับการชำระและอภัยโทษ
จะเป็นผู้ที่บริสุทธิ์จากเหล่าความชั่วและบาปกรรมต่าง ๆ
แต่เมื่อกระทำสิ่งที่ไม่ดีอีก
หลังจากรับอิสลามแล้วก็ต้องรับผิดชอบในส่วนนั้นไป
และหากเสียชีวิต หลังจากกล่าวคำปฏิญาณแล้ว
โดยที่ไม่ทันที่จะประกอบความดีต่ออัลลอฮฺ เขาก็เป็นมุสลิม
และมีสิทธิ์ได้รับสวนสวรรค์จากพระองค์

18. มุสลิมทุกคนมีหน้าที่ต้องเผยแพร่สิ่งเหล่านี้แก่มวลมนุษย์ทุกคน
เพราะต้องรับผิดชอบต่อพระพักตร์ของอัลลอฮฺ หากเขาไม่เผยแพร่แก่มวลมนุษย์

19. ผู้ใดรับอิสลาม ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง มิใช่ใครอื่นใด ดังนั้น
หากไม่ยอมรับอิสลามก็จะได้รับโทษในนรก เมื่อนั้น อย่าโทษผู้อื่น
เพราะมันเป็นความผิดของตัวเอง
การนับถือศาสนาไม่จำเป็นต้องยึดถือตามบรรพบุรุษ
ทั้งนี้เพราะบุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถช่วยเราได้ในโลกอาคิเราะฮฺ

พึงทราบ
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาเดียวที่มาจากอัลลอฮฺ ประทานมาผ่านศาสนทูตมุฮัมมัด
เป็นศาสนาที่สมบูรณ์ ครบถ้วนทั้งโลกนี้และโลกหน้า
มีบทบัญญัติที่เป็นเอกเทศ และเป็นเอกลักษณ์จากอัลลอฮฺ
สั่งสอนแต่ความดีและห้ามปรามความชั่ว

จุดประสงค์ของศาสนาอิสลาม
1. เชิญชวนมวลมนุษย์ เพื่อศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และศาสนฑูตของพระองค์
อีกทั้งไม่ภักดีนอกจากต่ออัลลอฮฺเท่านั้น
2. เพื่อให้ได้รับความโปรดปราน และความสงบสุขแก่เหล่าสรรพสิ่งทั้งปวง
3. เพื่อนำมวลมนุษย์ออกจากความมืดมนแห่งความหลงผิด
ไปสู่แสงสว่างของสัจธรรมแห่งอิสลาม
4. เพื่อสร้างความยุติธรรมในชีวิตมนุษย์ทุกระดับ
และลบล้างความอยุติธรรมและความโหดร้ายทั้งปวง
5. เพื่อนำมวลมนุษย์ออกจากการเป็นทาสรับใช้มนุษย์ด้วยกัน
ไปสู่การเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮฺ
6. เพื่อแจ้งให้มวลมนุษย์ทราบว่า โลกและทุกสรรพสิ่งนี้
อัลลอฮฺเป็นผู้สร้าง พระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครอง และทรงอำนาจยิ่ง
ทุกสรรพสิ่งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระองค์
7. เพื่อประกาศให้ทราบว่า มนุษย์เรามาจากอัลลอฮฺ จะกลับสู่อัลลอฮฺ
และต้องรับผลตอบแทนจากพระองค์ ทั้งนรกหรือสวรรค์
การมีอยู่ของมนุษย์บนโลกนี้
มีจุดประสงค์เพื่อการภักดีและปฏิบัติตามคำสอนของอัลลอฮฺ
มิใช่มีอยู่เพื่อดื่มกิน หรือสนองอารมณ์ตัณหาเท่านั้น
แต่ต้องรับผิดชอบในวันอาคิเราะฮฺต่อทุกอิริยาบถที่ได้กระทำไว้บนโลกนี้
และรับผลตอบแทนจากการตัดสินของอัลลอฮฺที่ยุติธรรมยิ่ง
8. หลักการยึดมั่นของศาสนาอิสลามถือว่าท่านอีซา (พระเยซู)
เป็นศาสนฑูตของอัลลอฮฺ ท่านมิใช่พระเจ้า มิใช่พระราชโอรสของพระองค์
ไม่สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพด้วยตนเอง ไม่สามารถชำระล้างบาป
และอิสลามยังถือว่าผู้ใดศรัทธาเช่นนั้นมีความผิดมหันต์
และย่อมได้รับโทษจากขุมนรกตลอดกาล
9. หลักการยึดมั่นของอิสลามถือว่า การฆ่าตัวตายเป็นมหันตบาปอย่างหนึ่ง
และย่อมได้รับโทษในนรกชั่วกาลนาน

ผู้ที่ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอิสลาม
กรุณาติดต่อสำนักงานคณะกรรมการอิสลามทุกจังหวัด มัสยิดทุกแห่ง
โต๊ะครูหรือผู้สอนศาสนาอิสลามทุกคน

ลองคิด ใครครวญ
พิจารณาเลือก และกำหนดจุดยืน
เพื่อความสุขในโลกนี้
และพ้นจากไฟนรกในโลกหน้า

Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages