อนุสรณ์รำลึกถึงลัทธิบัวขาว มีรูปหวางชงเอ๋ออยู่ตรงกลาง
ใน
บรรดาสตรีที่เก่งกาจในการศึก
และช่วยรักษาดินแดนจนโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
น่าจะเป็นสาวๆแห่งตระกูลหยาง ซึ่งเดิมที ผู้นำตระกูลหยาง
หรือที่มักจะถูกเรียกขานรวมๆกันว่าขุนศึกตระกูลหยางนั้น คือ หยางเย่ ...
เมื่อ
ไม่นานมานี้ ประเทศไทยเรามีการเปิดรับนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง
ซึ่งอีกไม่นานคงจะจบการศึกษาออกมารับใช้ประชาชนให้ได้เห็นความสดใสของนาย
ร้อยสาวๆกันบ้าง ส่วนกรณีของทหารนั้น ยังคงต้องรอต่อไปก่อน
เพราะตอนนี้ยังรับเฉพาะนักเรียนชายอยู่
แต่หากมองย้อนไปในประวัติ
ศาสตร์ สตรีที่ว่ากันว่ามือไกวเปลเป็นหลักนั้น ดาบก็แกว่ง และ "แกร่ง"
ได้เหมือนกัน แถมยังมีให้เห็นกันในหลายประเทศ ที่ผู้หญิงแต่งชุดแม่ทัพ
นำนักรบออกศึกเพื่อความสงบของบ้านเมืองกันมานักต่อนัก ซึ่งไทยรัฐ ซันเดย์
สเปเชียล โดยทีมงานต่วย'ตูนวันนี้ จะขอพาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปดูเฉพาะที่
ดินแดนกว้างใหญ่ของแผ่นดินจีนกันก่อนว่า ผู้หญิงก็รบได้ไม่แพ้ชายเหมือนกัน
ใน
บรรดาสตรีที่เก่งกาจในการศึก
และช่วยรักษาดินแดนจนโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
น่าจะเป็นสาวๆแห่งตระกูลหยาง ซึ่งเดิมที ผู้นำตระกูลหยาง
หรือที่มักจะถูกเรียกขานรวมๆกันว่าขุนศึกตระกูลหยางนั้น คือ หยางเย่
ยอดแม่ทัพแห่งราชวงศ์ซ่ง
ผู้สร้างความดีความชอบในการศึกต่อต้านอริราชศัตรูมานักต่อนัก
โดยเฉพาะศัตรูสำคัญคือแคว้นเหลียว ที่ถือได้ว่าเป็นคู่แค้นของต้าซ้อง
แต่
ถึงจะเก่งฉกาจอย่างไร หยางเย่ก็เคยรบแพ้ แถมยังเป็นการแพ้ ติดต่อกันถึง 2
ครั้ง 2 ครา ให้แก่สตรีนางหนึ่ง คือ เสอไช่ฮัว แม่เสือสาว
จากเมืองซีเหลียง ที่เกิดหลงเข้ามาในดินแดนที่หยางเย่ดูแลอยู่
จนเกิดความเข้าใจผิดถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกัน และอย่างที่ไม่มีใครคิด
แม่ทัพใหญ่แห่งราชวงศ์ซ่งเกิดพลาดท่า ถูกเสอไช่ฮัวจับตัวเอาไว้ได้
แต่แทนที่แม่นางจะเอาเรื่อง กลับจะเอารัก เพราะเกิดชื่นชมในตัวแม่ทัพหนุ่ม
จนขอแต่งงานเอาดื้อๆ
แต่หยางเย่ที่เห็นว่าจอมยุทธ์สาวคนนี้เป็นคนต่างบ้านต่างเมือง
ก็เลยไม่ยอมรับ แต่ท้าสู้อีกหน ซึ่งก็แพ้อีก
เสอไช่ฮัวบอกกับหยางเย่
ว่า แม้จะอยู่คนละเมือง แต่ก็มีศัตรูเดียวกัน
คือพวกเหลียวและนางก็นิยมความสามารถบวกคุณธรรมของหยางเย่เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งคู่จึงตกลงปลงใจเข้าสู่งานวิวาห์ และร่วมมือกันต่อต้านกองทัพเหลียว
จนแม้เมื่อหยางเย่เสียชีวิตไปก่อน เสอไช่ฮัว
ซึ่งกลายมาเป็นประมุขตระกูลหยางก็ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของสามี
สร้างกองทัพตระกูลใหญ่ที่โด่งดัง แถมออกรบด้วยตัวเองหลายครั้ง
จนได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพผู้เก่งกล้า
และแม้เมื่อนางถึงวัยชราลง
ก็ยังมีลูกๆ หลานๆ
ที่ถูกหล่อหลอมความรักชาติอย่างเข้มข้นเข้ากับวิทยายุทธ์ที่จัดเจน
คงดำรงเป็นกองทัพ ที่เกรียงไกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นหลาน
ซึ่งหยางจงเป่าได้สมรสกับแม่เสือสาวอีกคนหนึ่ง คือ มู่กุ้ยอิง
ซึ่งไม่เพียงแต่จะเก่งในวิชายุทธ์ แต่ยังมี ความสามารถด้านการทหาร
การควบคุมกองทัพ แม้ในท้ายที่สุด
บุรุษแห่งสกุลหยางต่างสละชีพในสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมืองไปเกือบหมด
ก็ได้มู่กุ้ยอิงที่แต่งกายเป็นแม่ทัพ ออกศึกเองเสมอและส่วนใหญ่แล้ว
หากพูดถึงแม่ทัพหญิงแห่งแดนมังกร คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงมู่กุ้ยอิง เป็นหลัก
เพราะเสอไช่ฮัวนั้น
ในระยะหลังใช้เวลาไปกับการดูแลความเรียบร้อยในตระกูลมากกว่ามู่กุ้ยอิงที่
ควงทวนคู่ใจออกศึกอยู่บ่อยๆ จนเป็นที่กล่าวขวัญและเลื่องลือกันว่า
สตรีแห่งต้าซ้องไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการรบทัพจับศึก เรียกได้ว่า
พอข้าศึกได้ยินชื่อมู่กุ้ยอิงเป็นแม่ทัพก็ออก อาการหัวหดกันไปเป็นแถวๆ
มู่กุ้ยอิงจึงเป็นเหมือน สัญลักษณ์ของหญิงกล้าแห่งกองทัพมานับแต่นั้น
วีรสตรีตระกูลหยางสร้างวีรกรรมไว้จนเป็นที่จดจำถึงทุกวันนี้
ครั้น
เวลาล่วงมาถึงสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็น
ช่วงที่คนจีนถือว่าถูกท้าวต่างบ้านต่างเมืองมาครองแผ่นดิน
เพราะราชวงศ์ชิงไม่ใช่คนจีน แต่เป็น แมนจูที่มาเป็นใหญ่
ทำให้เกิดการต่อต้านอยู่ทั่วแผ่นดิน
และหนึ่งในกลุ่มที่เป็นกบฏอย่างเข้มแข็ง คือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า
พวกลัทธิบัวขาว
ฉีหลิน
จอมยุทธ์หนุ่มผู้เคร่งขรึมเป็นหนึ่งในผู้นำลัทธิ
ภรรยาของเขาคือหวางชงเอ๋อนั้น
ตอนแรกที่แต่งงานก็ยังไม่รู้ว่าคนรักเป็นหัวหน้ากองกำลังนอกกฎหมาย
แต่หลังจากร่วมหอแล้ว จอมยุทธ์สาวก็ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายกับสามี
ด้วยอุดมการณ์กู้ชาติ ไม่ให้แมนจูครองแผ่นดินจีน
จึงพากันฝึกยุทธ์แก่กองกำลังลับร่วมกันอย่าง แข็งขัน แต่ไม่ทันไร
ฉีหลินก็ถูกราชสำนักสังหารไปเสียก่อนที่จะทำการใหญ่สำเร็จ เหลือทิ้งไว้
เพียงภรรยาผู้ไม่ยอมแพ้ และสืบทอดแนวคิดในการขับไล่ต้าชิงอย่างแข็งขัน
หวา
งชงเอ๋อตั้งตนเป็นแม่ทัพหญิงที่ได้การยอมรับจากผู้ร่วมอุดมการณ์
นางนำกองกำลังเข้าโจมตีกองทัพชิงอย่างไม่หวาดหวั่น แม้จำนวนคนจะน้อยกว่า
แต่ด้วยการบัญชาการอย่างใช้สมอง ทำให้กองทัพใหญ่ของต้าชิงระส่ำระสาย
ลัทธิบัวขาวสามารถรุกไล่ศัตรูไปได้เรื่อยๆ
แต่เป็นธรรมดาของน้ำน้อยที่ต้องแพ้ไฟในที่สุด
แม้จะเก่งทั้งการยุทธ์ส่วนตัว และการบัญชาการกองทัพ
แต่หวางชงเอ๋อก็ไม่สามารถทำให้ความหวังในการฟื้นฟูราชวงศ์จีนเป็นผลสำเร็จ
ขึ้นมาได้ นางพลีชีพในการศึก แต่จารึกชื่อไว้ตลอดกาล ในฐานะ
ยอดแม่ทัพหญิงผู้ทระนง
การจากไปของหวางชงเอ๋อ ไม่ได้ทำให้
อุดมการณ์ในการล้มราชวงศ์ชิงถดถอย เมื่อสิ้นสุด ไปลัทธิหนึ่ง
กองกำลังกบฏใหม่ก็ก่อเกิด โจวซิ่วอิง
สาวสะคราญวัยแรกรุ่นก่อตั้งกองทัพแบบกองโจรซุ่มตีทหารราชวงศ์ชิงจนราชสำนัก
ชิงชังนางอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม
ความหาญกล้าของโจวซิ่วอิงก็เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ต่างกับกบฏรุ่นพี่ก่อนหน้า
นี้ ที่แม้จะเชี่ยวชาญการยุทธ์ และมีประสิทธิภาพในการคุมศึก อย่างไรก็ตาม
ก็ไม่ สามารถนำชัยชนะมาสู่ชาวจีนได้
ราชวงศ์แมนจูจึงสามารถครองแผ่นดินมังกรได้นานกว่า 200 ปี
ก่อนจะเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นสาธารณรัฐ
เมื่อไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมานี้เอง
แต่ถึงแม้การก่อกบฏของหวางชงเอ๋อ
และโจวซิ่วอิง ผู้ตั้งตนเป็นแม่ทัพสาวจะไม่สำเร็จ
แต่ก็เป็นตัวอย่างให้เกิดความฮึกเหิมในหมู่ชาวฮั่น
ที่มองแม่ทัพหญิงทั้งสองเป็นเสมือนน้ำทิพย์
ประโลมใจในยามถูกแมนจูครองเมือง
และเรื่องราวของจอมยุทธ์สตรีเหล่านี้ก็ถูกแปลงเขียนถึงในลักษณะของนิยายบ้าง
เกิดเป็นการละเล่นงิ้วทั้งเพื่อความสนุกสนาน
และการเชิดชูคุณธรรมไปพร้อมๆกันบ้าง
แม้จะไม่ได้เป็นอุปรากรที่โด่งดังเท่าวีรกรรมของมู่กุ้ยอิง
แต่ก็อาจจะกล่าวได้ว่า
ชาวฮั่นไม่เคยลืมสิ่งที่แม่นางทั้งสองได้ทำเพื่อมาตุภูมิไว้
เมื่อ
พูดถึงการแสดงงิ้วแล้ว
ในบรรดาอุปรากรเกี่ยวกับการศึกของสตรีที่มีผู้นำมาเล่นมากที่สุด
นอกจากเรื่องของตระกูลหยางแล้ว
ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาเล่นงิ้วกันมาก คือ
วีรกรรมของนักรบสาวนามฮัวมู่หลาน
เรื่องของฮัวมู่หลานนี้
แตกต่างจากมู่กุ้ยอิงตรงที่ว่า
ประวัติศาสตร์ของตระกูลหยางนั้นเป็นเรื่องที่มีการบันทึกไว้แน่ชัด
แต่กรณีของมู่หลาน ไม่ได้มีรายละเอียดที่แน่นอน แต่เป็นกึ่งเรื่องเล่า
กึ่งตำนาน บ้างก็ว่านางเป็นจอมยุทธ์หญิงในยุคราชวงศ์สุย
แต่นักประวัติศาสตร์บางคนก็บอกว่านางรับใช้ราชวงศ์ถัง
แต่ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน ก็เล่าถึงเรื่องที่น่าประทับใจว่า
มู่หลานปลอมตัวเป็นชาย เพื่อเข้ารับการเกณฑ์ทหารแทนบิดาที่เฒ่าชรา
แถมน้องชายที่มีอยู่คนเดียวก็ยังเล็ก จึงทิ้งให้ดูแลพ่อ
ส่วนตัวเองก็เข้าไปอยู่ในกองทัพ และออกรบหลายคราว จนมีความดีความชอบ
ได้เลื่อนขั้นเป็นนายทหารชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครระแคะระคายเลยว่า
แท้จริงแล้วทหารกล้าผู้นี้ไม่ใช่ชายอกสามศอก
แต่เป็นผู้หญิงที่จิตใจห้าวหาญยิ่งกว่าบุรุษ
สตรีตระกูลหยางนำทัพออกรบได้ไม่แพ้ชาย
หลัง
ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนทหารมาหลายปี จนสงครามสงบ
มีตำนานเล่าว่าฮ่องเต้ซึ่งได้รับรายงานถึงความกล้าหาญของมู่หลานได้มีรับ
สั่งให้แม่ทัพผู้นี้เข้าเฝ้า เพื่อที่จะแต่งตั้งให้เป็นขุนนางในราชสำนัก
แต่มู่หลานก็ปฏิเสธ และขอกลับบ้านเดิมไปใช้ชีวิตแบบสามัญ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนทหารที่เคยออกรบ
และกินนอนด้วยกันกลางสนามศึกเกิดคิดถึงนายทหารหนุ่มหน้าตาสดใสผู้นี้
ก็เลยพากันไปเยี่ยมถึงบ้านเกิด จึงได้ทราบความจริงว่า
นายทหารหนุ่มที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีนั้น ที่แท้แล้วเป็นสตรีงามนางหนึ่ง
และ
นับแต่นั้น วีรกรรมการออกรบของฮัวมู่หลานก็กลายเป็นเรื่องเล่าที่แพร่หลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวอันน่าประทับใจของนางดังไกลไปถึงเมืองฝรั่ง
จนนำมู่หลานไปเป็นตัวเอกในการ์ตูนดัง
และล่าสุดวีรกรรมของมู่หลานก็ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์จีนเรื่อง "มู่หลาน
วีรสตรีโลกจารึก" ซึ่งคราวนี้ได้ "จ้าวเหว่ย"
ซุปเปอร์สตาร์สาวฝีมือเยี่ยมที่เป็นคนจริงๆมารับบทบาท
แล้วจะได้รู้
ว่า ไม่เพียงแค่โลกใบนี้ที่สตรีแบกไว้ครึ่งหนึ่ง
แต่ในการศึกที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นภาระของบุรุษนั้น
สตรีก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย.
ทีมงาน ต่วย'ตูน