การประเมินผลการทำงานที่นำผลไปจัดกลุ่มแบบระฆังคว่ำ (Force Ranking)

374 views
Skip to first unread message

Busara Ch

unread,
Apr 2, 2009, 12:32:29 AM4/2/09
to sia...@googlegroups.com
 
 
ระบบการประเมินผลการทำงานที่นำผลไปจัดกลุ่มแบบระฆังคว่ำ (Force Ranking)
 
มันคืออะไรค่ะ   ขอผู้รู้ช่วยอธิบายให้ด้วยค่ะ  ขอบคุณค่ะ
 
Ping

som kong

unread,
Apr 2, 2009, 2:49:50 AM4/2/09
to sia...@googlegroups.com
 

การจัดเกรดแบบระฆังคว่ำ
วัน พุธ 02 ม.ค. 08@ 08:58:15 ICT
หัวข้อ: PHP-Nuke




โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 21 ธันวาคม 2550 19:12 น.
       Q
        ผมย้ายมาเป็น HR Manager ที่บริษัทแห่งนี้ได้ประมาณ 3-4 เดือน ที่นี่มีการปรับใช้ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานที่ทันสมัยได้ประมาณ 2 ปี แต่ยังมีการปรับเงินเดือนเป็นแบบตามใจฉัน ดังนั้น ผมจึงเสนอนายขอให้มีการปรับใช้ระบบการประเมินผลการทำงานที่นำผลไปจัดกลุ่มแบบระฆังคว่ำ (Force Ranking) ในระดับฝ่าย โดยมีสัดส่วนเกรด 5 เกรด คือ A =5% B=15% C = 60% D =15% E=5% นายเห็นด้วย แล้วให้เตรียมการสื่อสารในบริษัทให้ดี ก่อนนำไปปรับใช้ แต่มีอยู่คำถามหนึ่งที่ผมไม่สามารถจะตอบได้อย่างมั่นใจ คือ ผมเคยถูกถามว่า เมื่อประเมินได้เกรดในแต่ละหน่วยงานแล้ว ก็น่าจะให้ผลไปตามนั้น ทำไมจะต้องเอามาปรับให้เข้ารูประฆังคว่ำในระดับฝ่าย ทำให้พวกเขาลำบากใจ เพราะตอนที่ประเมิน แต่ละคนก็ถือว่าเป็นคนเก่งของแต่ละหน่วยงาน แต่พอเข้ารูประฆังคว่ำ จากที่ได้ B กลับได้ C ผมอยากได้เหตุผลทีมีน้ำหนักและเป็นหลักการที่อธิบายได้กับทุกกลุ่มครับ
- สมยศ บางกระดี
       
       A
        การนำผลการประเมินจัดในรูประฆังคว่ำอย่างที่คุณสมยศถามมา เป็นแนวปฏิบัติที่ใช้อย่างเป็นปกติ เป็นเหมือนกฎสากลที่ปฏิบัติอย่างแพร่หลายในองค์กรเอกชนที่ได้มาตรฐานทั่วไป อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจจากพนักงานในหลายองค์กรก็ยังมีอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า ไม่ได้เชื่อมโยงกับการผลการปฏิบัติงานอย่างแท้จริง และได้มีความพยายามนำเสนอแนวทางการให้ผลตอบแทน โดยใช้วิธีการอื่นหลายอย่าง เป็นต้นว่า
       
        การจัดสรรงบประมาณไปให้กับผู้จัดการต้นสังกัดกำหนดอัตราการขึ้นเงินเดือนเอาเอง หรือกำหนดเป็นช่วงแต่ละเกรดโดยไม่ต้องเข้ารูประฆังคว่ำ แต่ว่าแต่ละวิธีการที่พยายามปรับใช้ ก็มีปัญหาอย่างอื่นตามมา เช่น ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในงบประมาณที่ได้กำหนดไว้ หรือ ในกรณีที่ให้อำนาจผู้จัดการต้นสังกัดจัดสรรอัตราการขึ้นเงินเดือนเอง ก็อาจเกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างฝ่าย เช่น เกรด A ของฝ่ายบัญชีได้ขึ้นเงินเดือน 8% ในขณะที่เกรด A ของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ได้ขึ้นเงินเดือน 10% ซึ่งสุดท้ายหลายบริษัทก็ได้กลับมาสู่การใช้ Force Ranking เช่นเดิม
       
        แนวคิดของการ Force Ranking ผมเคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่งว่า เป็นอิทธิพลจากแนวคิดทางการศึกษาที่มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่า ถ้าจะจัดกลุ่มเด็กในห้องเรียนตามความสามารถในการเรียนแล้ว ก็จะจัดกลุ่มได้เป็นรูประฆังคว่ำ เด็กเก่งๆ ก็มักจะอยู่ในกลุ่ม 10% แรก เมื่อมาปรับใช้ในการหาคนเก่งในองค์กรเอกชน ก็ปรับใช้หลักคิดเดียวกัน จึงเป็นที่มาว่า ทำไมพอจะหาคนที่เป็นครีมหรือเป็น Talent ขององค์กรก็มักจะพูดที่ตัวเลข 10% ในทางกลับกัน หากจะพูดถึงกลุ่มที่องค์กรยอมปล่อยได้โดยไม่กระทบก็อยู่ในกลุ่ม 10% ท้าย อย่างที่คุณสมยศคงเคยได้ยิน Jack Wales นักบริหารชื่อดังที่เขาบอกว่า หากองค์กรปล่อยให้คนที่อยู่ใน 10% ท้ายๆ ลาออกไปบ้าง ก็จะเป็นการสร้างความตื่นตัวให้กับองค์กรอยู่เสมอ
       
        ผมเล่าเท้าความไปหลายเรื่องเพื่อจะปูให้เห็นที่ไปที่มาก่อนว่า ทำไมถึงมีการใช้ Force Ranking โดยในเรื่องผลที่ได้จากการประเมินผลงานเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสองกิจกรรม คือ เรื่องของการหาคนเก่งของแต่ละหน่วยงานเพื่อทำการพัฒนาส่งเสริม กับ เรื่องของการควบคุมงบประมาณ
       
        ดังนั้น การที่แต่ละหน่วยงานมีการประเมินคนของตนเองว่าได้เกรดอะไร ก็เป็นการมองเฉพาะในพื้นที่ของตนเอง เป็นการมองเห็นความสามารถของพนักงานในระดับกลุ่มงาน ซึ่งจะตอบโจทย์ในเรื่องการพัฒนาส่งเสริมพนักงานได้ อย่างไรก็ตามเมื่อจะต้องมาให้ผลตอบแทน จะกลายเป็นเรื่องของการให้เงินให้ทองซึ่งเกี่ยวข้องกับงบประมาณ เมื่อเป็นเรื่องงบประมาณก็ต้องมีการควบคุม ดังนั้น บทบาทของระฆังคว่ำอันหนึ่งก็คือการควบคุมงบประมาณให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมและสมดุลให้มากที่สุด คนที่โดดเด่นกว่าก็ควรจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าคนที่ธรรมดา
       
        ผมขอเปรียบเทียบให้เห็นอย่างนี้นะครับว่า หากเทียบการปรับเงินเดือนเป็นเหมือนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่กำลังจัดที่โคราชตอนนี้ การประเมินในหน่วยงานก็เหมือกับการที่แต่ละประเทศเฟ้นหานักกีฬาที่ว่าฝีมือดีในประเทศของตัว ส่วนงบประมาณก็เปรียบได้กับเหรียญกีฬาซีเกมส์ที่มีได้แค่ 3 เหรียญ คือ ทอง เงิน และทองแดง ที่จะให้ได้กับนักกีฬาจาก 9 ประเทศ
       
        ดังนั้น ก็จะต้องเอานักกีฬาที่ว่าเก่งแต่ละประเทศมาแข่งกันเพื่อจัดลำดับและชิงเหรียญ ซึ่งก็คล้ายกับการเอาคนมาเข้าโค้งระฆังคว่ำ เพียงแต่ว่าการแข่งกันในระฆังคว่ำนั้น หัวหน้าจะต้องช่วยนำเสนอหรือยืนยันคนของตัวว่า มีความสามารถที่โดดเด่นอย่างไร และมีเป้าหมายที่ทำได้สำเร็จในเรื่องอะไรบ้าง
       
        ผมไม่แน่ใจว่าได้ให้คำตอบที่น้ำหนักและมีหลักการพอแก่คุณสมยศหรือเปล่า แต่โดยส่วนตัวหลายครั้งที่ผมอธิบายโดยเปรียบเทียบกับเรื่องของกีฬา ก็ดูเหมือนว่า ผู้เข้าฟังจะผงกหัวกัน แล้วก็ไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมนะครับ
       
 
ไม่ทราบตรงหรือเหล่าครับ นี่เป็นข้อมูลบางส่วนที่หาได้ครับ
 
สมบูรณ์ คงอิน
---------- จดหมายที่ถูกส่งต่อ ----------
จาก: Busara Ch <busa...@gmail.com>
วันที่: เมษายน 2, 2009 11:32 ก่อนเที่ยง
หัวเรื่อง: [SIAMHRM.COM :12095] การประเมินผลการทำงานที่นำผลไปจัดกลุ่มแบบระฆังคว่ำ (Force Ranking)
ถึง: sia...@googlegroups.com
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages