๏ฟฝุท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ - ๏ฟฝยธ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝัต๏ฟฝุท๏ฟฝ๏ฟฝุค๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝีผ๏ฟฝ๏ฟฝาก

3 views
Skip to first unread message

oddy.freebird

unread,
Jan 21, 2013, 7:01:31 PM1/21/13
to � ����� �
พุทธพจน์
"...
ไทยธรรมวัตถุที่บุคคลให้แล้วแก่พราหมณ์นั่นแหละมีผลมาก
...”

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อประทับในเชตวันมหาวิหาร ทรงอาพาธด้วยโรคลมกำเริบ พระองค์จึงส่งพระอุปวานเถระไปขอน้ำร้อนจากเทวหิตพราหมณ์
    พราหมณ์ดีใจว่าเป็นลาภของเราแล้วหนอที่ได้ถวายทานพระศาสดา จึงต้มน้ำร้อนและจัดน้ำตาลอ้อยให้บุรุษหาบตามหลังพระอุปวานเถระไปถวายพระศาสดา พระศาสดาทรงสรงน้ำร้อน และเสวยน้ำตาลอ้อยแล้วก็ทรงทุเลาจากอาพาธ
    ฝ่ายพราหมณ์สงสัยใคร่รู้ว่าไทยธรรมของเรานั้นต้องให้แก่ใครหนอจึงมีผลมาก จึงไปเฝ้าพระศาสดาทูลถามว่า
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    บุคคลควรให้ไทยธรรมในบุคคลไหน ทักขิณาอันบุคคลให้ในบุคคลไหนจึงมีผลมาก”
    พระศาสดามีพระดำรัสว่า
    “ไทยธรรมวัตถุที่บุคคลให้แล้วแก่พราหมณ์นั่นแหละมีผลมาก”
 
    ทรงตรัสพระคาถาว่า
 
    ปุพฺเพนิเวสํ โย เวทิ สคฺคาปายญฺจ ปสฺสติ
    อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต อภิญฺญา โวสิโต มุนิ
    สพฺพโวสิตโวสานํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ
    บุคคลใดรู้ขันธ์ที่อาศัยอยู่อย่างแจ้งชัด
    ทั้งเห็นสวรรค์และอบายด้วยทิพย์จักษุ
    บรรลุความสิ้นไปแห่งชาติ สำเร็จกิจแล้วเพราะรู้ยิ่งเป็นมุนี
    เราเรียกบุคคลผู้อยู่จบพรหมจรรย์แล้วว่าเป็นพราหมณ์
 
หมายเหตุ
คำว่าพราหมณ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสถึง ไม่ได้หมายถึงคนวรรณะพราหมณ์
แต่หมายถึงคนที่หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว ทรงตรัสในหลายๆ ที่ว่าเป็นพราหมณ์ เป็นมุนี เป็นนาค เหล่านี้มีความหมายว่าเป็นพระอรหันต์
 
 
 
 
 
................................
ศิริวรรตน์ สุวรรณฉวี
บ.  สยามแท็ปโก้  จก.
มือถือ 082-6246962,
          085-6164446
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages