สวัสดีครับ
วันนี้มีข่าวแจ้งให้สมาชิกทราบ 2
เรื่องครับ
พระพุทธชินราช (ใหม่)
มีเจ้าภาพสร้างพระพุทธชินราชขนาดหน้าตัก 60
นิ้ว (ฐานเขียง) สำหรับถวายวัดหรือสำนักสงฆ์เพื่อประดิษฐานในอุโบสถ
หรือศาลาปฏิบัติธรรม เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองและขัดมันไว้ไม่ได้ลงสี
(หากต้องการพ่นสีทองเจ้าภาพก็ดำเนินการให้)
ท่านใดรู้ว่าวัดหรือสำนักสงฆ์ใดที่มีความประสงค์ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้สร้าง
ให้แจ้งมาที่ผมเพื่อขอคุยรายละเอียดให้ตรงกันก่อนจะให้คุยกับเจ้าภาพต่อไป
ย้ายพระพุทธรูป
คงจำกันได้ถึงพระพุทธรูปองค์หนึ่งขนาดหน้าตัก
60 นิ้ว พร้อมคู่พระสาวก ที่ขอพระอาจารย์สมไว้ว่าจะนำไปถวายวัดป่าค้อน้อย
แล้วเปลี่ยนเป็นสำนักสงฆ์ที่มุกดาหาร และเปลี่ยนเป็นวัดใน จ.บุรีรัมย์
แต่จนแล้วจนรอดก็มีเหตุให้เลื่อนและยกเลิกไป รวมเวลากว่า 9 เดือน
บัดนี้พระพุทธรูปได้ย้ายไปประดิษฐานเรียบร้อยแล้ว
โดยนำไปประดิษฐานในศาลาธรรมที่วัดป่าแสงสำราญธรรม จ.กาฬสินธุ์
ด้วยฝีมือการประสานงานของคุณโจ้ที่ใช้เวลารวดเร็วมากคุยกันแค่ 2 วัน
พระพุทธรูปก็ย้ายไปประดิษฐานเรียบร้อยเมื่อวานนี้เอง
(คนขับรถขนย้ายพระรายงานผลมาว่าวัดนี้สงบร่มรื่นมาก
สมกับเป็นวัดป่าจริงๆ)
อนุโมทนากับคุณโจ้ครับ
Mr.Panpasin Suwanchawee
SIAM TAPCO COMPANY LIMITED
94/59
Moo 9, Bangkruai-Sainoi Rd., Banglen, Bangyai, Nonthaburi, 11140
THAILAND
089-9920404, 086-6076298, 085-1001750
พิธีอยู่กรรม
มีแฟชั่นการทำบุญอย่างหนึ่งที่นับวันจะแพร่หลายมากขึ้นในหมู่ชาวพุทธยุคปัจจุบัน
เรียกว่า ทัวร์บุญ ซึ่งก็คือการเที่ยวตระเวณเดินทางไปทำบุญตามวัดต่างๆ
ให้ได้มากที่สุดในวันเดียว หรือทริปเดียวแต่หลายวัน
มีทั้งทัวร์แบบที่มีคนจัดเตรียมให้เรียบร้อย
ผู้จะไปทัวร์เพียงแค่เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมเงินให้พร้อม อย่างเช่น ทัวร์ไหว้พระ ๙
วัด ที่มีจัดทุกวันหยุด
มีมากมายหลายปรแกรมทั้งทัวร์ไหว้พระวัดในกรุงเทพและทัวร์ไหว้พระวัดในจังหวัดปริมณฑล
บางคนไปแล้วไปอีกหลายทริป หลายทัวร์ก็ยังไม่หมดโปรแกรมเสียที
หรือจะเป็นทัวร์อีกแบบหนึ่งที่จัดกันเองในหมู่เพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง
ซึ่งโดยมากมักจะจัดกันในช่วงที่หลายๆ วัดกำลังจัดเทศกาลงานบุญอยู่พร้อมๆ กัน
อย่างเช่น ทัวร์ปิดทองพระ ๙ วัน ทัวร์ฝังลูกนิมิต ๙ วัด
เป็นต้น
และที่มาแรงอย่างไม่น่าเชื่อ คือ ทัวร์อยู่กรรม
แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องอยู่กรรมก็ขอพูดถึงเรื่องออกกรรมก่อน
อยู่กรรมกับออกกรรมดูชื่อแล้วดูเหมือนว่าเป็นของคู่กัน มีอยู่ก็ต้องมีออก
แต่ในความเป็นจริงอยู่กรรมกับออกกรรมที่เข้าใจไขว่คว้าหากันนั้นเป็นคนละเรื่องกันเลย
การออกกรรมเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ผู้เข้าร่วมพิธีนี้เรียกว่าผู้ออกกรรม
มีจุดประสงค์เพื่อตัดเวรตัดกรรมให้ขาด
เพื่อให้ชีวิตพ้นจากปัญหาอุปสรรคทั้งหลายซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่ามาจากกรรมเก่า
ในพิธีกรรมจะเริ่มจากให้ผู้ต้องการออกกรรมรับศีล สวดมนต์ แล้วนั่งสมาธิแบบสมถะภาวนา
โดยมีภิกษุหรือแม่ชีคอยควบคุมแนะนำกำกับให้ เมื่อผู้ออกกรรมมีสมาธิถึงระดับหนึ่ง
ผู้กำกับจะพูดนำเพื่อให้เจ้าตัวดูกรรมในอดีตว่าเคยทำกรรมอะไรไว้บ้าง
ซึ่งบางคนก็ไม่มีอาการรู้เห็นอะไรเลย แต่บางคนกลับแสดงกิริยาท่าทางต่างๆ
บางคนลุกขึ้นร่ายรำ บางคนร้องไห้ บางคนชกมวย บางคนตีอกชกหัวตัวเองราวกับคนไร้สติ
และบางคนพูดจาราวกับคนถูกผีสิง
ซึ่งผู้กำกับก็พยายามซักไซ้ไล่เรียงว่าผู้ออกกรรมได้ทำกรรมอะไรไว้
และจะต้องทำบุญอย่างไรจึงจะพ้นจากกรรมนั้นได้
การออกกรรมจึงเป็นพิธีที่ดูจะน่ากลัวและลึกลับพอสมควร
เป็นพิธีกรรมในวัดที่ไม่มีหลักฐานปรากฏในคัมภีร์ว่าเป็นพิธีกรรมอะไรแน่
ส่วนพิธีอยู่กรรม เป็นพิธีสงฆ์
คำว่าอยู่กรรมเป็นคำเรียกสามัญ คำที่เป็นทางการจะเรียกว่า ปริวาส
แต่เราเอาคำสองคำนี้คือคำว่าอยู่กรรมกับคำว่าปริวาสมาเรียกรวมกันกลายเป็น ปริวาสกรรม
ในแต่ละปีจะมีวัดทั่วประเทศจำนวนมากกว่า ๔๐๐ วัด ที่จัดให้มีพิธีอยู่กรรม
ส่วนใหญ่จะเป็นวัดเดิมๆ ที่เคยจัดแล้ว เรียกว่าจัดซ้ำแล้วซ้ำอีก
มีประกาศใหญ่โตว่าทางวัดจะมีพิธีปริวาสกรรมให้ภิกษุตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน
ประกาศเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั้งทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และป้ายโฆษณาริมทาง
ให้มาทำบุญภิกษุผู้อยู่ปริวาสกรรมร่วมกัน
ชาวพุทธพอได้เห็นได้ยินประกาศเหล่านั้นก็แห่แหนกันไปร่วมทำบุญเพราะคิดว่านี่คือการชุมนุมภิกษุจำนวนมากที่หาได้ยาก
พอๆ กับการชุมนุมในวันจาตุรงคสันนิบาตครั้งพุทธกาลนั่นเลยทีเดียว
และยังเชื่อกันอีกว่าถ้าได้ทำบุญใส่บาตรแก่ภิกษุในวันที่ท่านออกปริวาสกรรม
ก็จะยิ่งได้รับบุญกุศลมหาศาลราวกับได้ใส่บาตรพระขีณาสพผู้ออกจากนิโรธสมาบัติก็ไม่ปาน
แต่ความจริงแล้วปริวาสกรรมหรือการอยู่กรรมนั้น
เป็นพิธีกรรมที่เกิดจากพระวินัยข้อหนึ่งซึ่งถูกบัญญัติไว้ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เป็นพิธีการล้างโทษให้แก่ภิกษุให้หายจากอาบัติ
ไม่ได้มีความหมายเป็นพิธีมหาบุญอย่างที่ชาวพุทธปัจจุบันเข้าใจกันเลยแม้แต่น้อย
ปริวาส แปลว่า การอยู่ชดใช้ เป็นวิธีลงโทษภิกษุผู้ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส ซึ่งเป็นอาบัติหนักรองจาก ปาราชิก โดยมีบัญญัติไว้
๑๓ เหตุ คือ
๑.
ภิกษุจงใจกระทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน
๒.
ภิกษุเคล้าคลึงจับต้องอวัยวะสตรี
๓. ภิกษุพูดจาชั่วหยาบ
เกี้ยวพาราสีสตรีเพศ
๔. ภิกษุพูดจากล่าวคุณของการบำเรอกาม
พาดพิงเมถุนธรรม
๕.
ภิกษุพูดจาเป็นพ่อสื่อ
๖.
ภิกษุสร้างกุฏิด้วยการขอ
๗.
ภิกษุสร้างวิหารใหญ่โดยคณะสงฆ์ไม่ได้อนุญาตให้
หรือรุกรานที่คนอื่น
๘.
ภิกษุแกล้งใส่ความภิกษุอื่นโดยตรงว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
๙.
ภิกษุแกล้งใส่ความภิกษุอื่นว่าปราชิกโดยสมมุติเรื่องให้คนอื่นเข้าใจผิด
๑๐. ภิกษุยุยงสงฆ์ให้แตกกัน
๑๑.
ภิกษุเป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน
๑๒.
ภิกษุเป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง ๓ ครั้ง
๑๓.
ภิกษุประทุษร้ายสกุลด้วยการประจบคฤหัสถ์
ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสนี้
ต้องถูกลงโทษโดยการถอดสิทธิของความเป็นภิกษุชั่วคราว คือ ห้ามบวชให้คนอื่น
ห้ามให้นิสสัย ห้ามให้โอวาท ห้ามใช้สิทธินับอายุพรรษา เป็นต้น
และยังต้องประจานตนเองให้สำนึกผิดด้วย เช่น
ต้องกราบไหว้แม้กระทั่งภิกษุบวชใหม่ในวันนั้น ต้องต่อท้ายแถวเมื่อไปบิณฑบาต
ต้องนั่งท้ายแถวในพิธี ต้องแยกไปฉันน้ำปานะต่างหากจากกลุ่ม
เมื่อมีภิกษุใหม่เข้ามาในวัดก็ต้องไปแจ้งอาบัติของตนให้ภิกษุผู้มาใหม่นั้นทราบด้วย
เป็นต้น นอกจากนั้นในวันท้ายๆ ยังต้องกักบริเวณตนเองอีก
นับเป็นวิธีการลงโทษของสงฆ์ที่รุนแรงและน่าอับอายมากทีเดียว
การอยู่ปริวาสของภิกษุมีอยู่ ๓ ประเภท คือ
๑.
ภิกษุต้องอาบัติอย่างหนึ่งแล้วปกปิดไว้
ต้องอยู่ปริวาสตามจำนวนวันที่ได้ปกปิดไว้นั้น เรียกว่า
ปฏิจฉันนปริวาส
๒.
ภิกษุต้องอาบัติหลายข้อแล้วปกปิดไว้จำนวนวันไม่เท่ากัน
ก็ให้เอาจำนวนวันที่ปกปิดไว้ทั้งหมดรวมกันแล้วอยู่ปริวาสตามจำนวนวันรวมนั้น
เรียกว่า สโมธานปริวาส
๓. ภิกษุต้องอาบัติหลากหลาย
จำจำนวนอาบัติและจำนวนวันไม่ได้ ท่านให้อยู่ปริวาสจนกว่าจะแน่ใจว่าบริสุทธิ์
ปกติจะกะประมาณจำนวนวันโดยนับจากวันที่มั่นใจว่ายังไม่ต้องอาบัติจนถึงวันที่อยู่ปริวาส
เรียกว่า สุทธันตปริวาส
นอกจากนี้ยังมีปริวาสพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่มีเฉพาะในครั้งพุทธกาล ปัจจุบันไม่มีแล้ว
เรียกว่า ติตถิยปริวาส ปริวาสนี้ใช้กับภิกษุผู้บวชใหม่
แต่ก่อนบวชนั้นท่านเป็นนักบวชเปลือยนอกศาสนามาก่อน
จึงให้อยู่ปริวาสระยะหนึ่งจนมั่นใจว่าจะไม่ประพฤติปฏิบัติสิ่งใดที่ผิดพุทธบัญญัติ
วิธีการอยู่ปริวาสของภิกษุนั้นมีข้อกำหนด ๓ ข้อ คือ การอยู่ร่วม การอยู่ปราศ และการไม่บอก
๑. การอยู่ร่วม คือ ห้ามภิกษุผู้อยู่ปริวาสนอนร่วมชายคาเดียวกับภิกษุอื่น
แต่อนุญาตให้ปฏิบัติศาสนกิจร่วมกันภายใต้หลังคาเดียวกันได้
เพียงแต่ห้ามเอนกายลงนอนเด็ดขาดจะถือว่านอนร่วมชายคาเดียวกันทันที
๒. การอยู่ปราศ คือ
ห้ามภิกษุผู้อยู่ปริวาสอยู่ไกลจากภิกษุผู้เป็นอาจารย์กรรมซึ่งทำหน้าที่คอยควบคุมชั่วระยะขว้างก้อนดินตก
๒ หน คือ หยิบก้อนดินขว้างไปหนหนึ่ง
แล้วเดินไปเก็บดินก้อนนั้นขว้างออกไปอีกเป็นหนที่สอง
ระยะทางรวมเป็นระยะทางที่กำหนดไม่ให้ภิกษุผู้อยู่ปริวาสอยู่ห่างจากอาจารย์กรรมไกลกว่านี้
เพราะจะไกลเกินกว่าจะควบคุมได้
๓. การไม่บอก คือ
ห้ามภิกษุผู้อยู่ปริวาสเว้นจากการบอกวัตรที่ปฏิบัติให้แก่อาจารย์กรรมทุกรูปทราบ
รวมทั้งบอกพระอาคันตุกะด้วย
แต่อาจจะเว้นไม่ต้องบอกทุกวันก็ได้เดี๋ยวจะไม่เป็นอันทำอะไรอย่างอื่น
แต่การเว้นไม่บอกวัตรนั้นท่านห้ามเว้นเกินกว่า ๓ วัน
หลังจากภิกษุอยู่ปริวาสจนครบถ้วนจำนวนวันแล้ว ยังต้องอยู่แถมอีก ๖ วัน
เผื่อเหลือเผื่อขาดว่าอาจจะนับวันผิดพลาดหรือนับวันไม่ครบ
จะได้มั่นใจว่าได้อยู่ปริวาสกรรมครบถ้วนบริสุทธิ์แล้วจริงๆ
จำนวนวันที่แถมมานี้เรียกว่า มานัต
หลังจากนั้นจึงจะออกจากปริวาส
แต่ขั้นตอนการออกนั้นต้องทำพิธีประกาศให้รู้กันอีกครั้งหนึ่งก่อนว่าภิกษุรูปนั้นบริสุทธิ์แล้ว
เรียกว่าพิธี อัพภาน คือพิธีการเรียกภิกษุกลับเข้าหมู่
โดยการเรียกประชุมภิกษุทั้งวัดมารับรอง ขาดรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ และจำนวนภิกษุผู้รับรองต้องไม่น้อยกว่า ๒๐
รูปด้วย
ด้วยเหตุนี้การอยู่ปริวาสจึงเป็นพิธีใหญ่
มีพระภิกษุมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก
และส่วนใหญ่ต้องนิมนต์ภิกษุจากวัดอื่นมาร่วมพิธีด้วยให้ครบจำนวน
แถมบางวัดยังเผื่อจำนวนภิกษุผู้ร่วมรับรองไว้อีก
เพราะกลัวว่าภิกษุผู้รับรองเองบางรูปก็อาจจะต้องอาบัติอยู่แต่ไม่ยอมรับ
เป็นเหตุให้พิธีปริวาสกรรมกลายเป็นการพิธีชุมนุมสงฆ์ที่ดูยิ่งใหญ่จนสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นพิธีมงคลที่หายาก
แม้ภิกษุเองก็ยังมักเข้าใจว่าการได้เข้าร่วมพิธีปริวาสกรรมบ่อยๆ
ยิ่งทำให้ศีลของตนบริสุทธิ์
จึงมีภิกษุจำนวนหนึ่งเดินสายเข้าร่วมพิธีปริวาสกรรมตามวัดต่างๆ
ไม่ต่างจากที่ฆราวาสเดินสายไปรอทำบุญด้วยเหมือนกัน
สรุปแล้วพิธีปริวาสกรรม หรืออยู่กรรม
ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องดีเรื่องกุศลไปแล้ว
และเป็นบุญเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่กว่าบุญกุศลอย่างอื่นอีกด้วย
ทั้งวัดทั้งฆราวาสจึงพร้อมใจกันประกาศชักชวนคนมาร่วมทำบุญถวายทานกันอย่างเอกเกริกเปิดเผย
เปลี่ยนความผิดเป็นความน่าชื่นชมไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
เข้ารกเข้าพงไปกันหมดแล้วทั้งพระทั้งโยม