๏ฟฝุท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ - ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝลง๏ฟฝ๏ฟฝลก๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝิจิตรน๏ฟฝ๏ฟฝ
9 views
Skip to first unread message
oddy.freebird
Mar 28, 2013, 4:25:02 AM3/28/13
to � ����� �
ผู้ใดรู้ย่อมไม่หลงโลกอันงามวิจิตรนี้
ท่านทั้งหลายจงดูโลกนี้ อันวิจิตรตระการดุจราชรถ
มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่หมกอยู่ แต่บัณฑิตผู้รู้หาข้องอยู่ไม่
คาถาธรรมบท ยมกวรรค ขุ. ธ.
ท่านทั้งหลายจงดูโลกนี้ อันวิจิตรตระการดุจราชรถ
มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่หมกอยู่ แต่บัณฑิตผู้รู้หาข้องอยู่ไม่
คาถาธรรมบท ยมกวรรค ขุ. ธ.
เรื่องอภัยราชกุมาร
อภัยราชกุมารเป็นโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสารแห่งกรุงราชคฤห์ (ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสารกับหญิงโสเภณีนครแห่งแคว้นอวันตี) ครั้งหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารพระราชทานรางวัลให้อภัยราชกุมารที่ทำความดีความชอบปราบเหตุการณ์ไม่สงบที่ชายแดนแห่งหนึ่งลงได้ โดยพระราชทานหญิงนางฟ้อนรูปร่างสวยงามให้นางหนึ่งพร้อมกับให้ครองราชสมบัติอีก ๗ วัน
อภัยราชกุมารพอได้เสวยราชสมบัติก็เพลิดเพลินลุ่มหลงอยู่กับหญิงนางฟ้อนตลอดดวันตลอดคืน ไม่เสด็จออกมานอกพระราชมนเทียรเลย จนกระทั่งวันที่เจ็ดจึงเสด็จไปสรงสนานที่ท่าน้ำ แล้วเสด็จเข้าอุทยานให้หญิงนั้นฟ้อนและขับร้องเพลงถวาย แต่หญิงฟ้อนทำงานหนักมาตลอด ๗ วันไม่ได้พักผ่อน ร่างกายของเธออ่อนแรงจนทนไม่ไหวเป็นลมล้มลงและทำกาละไปต่อหน้าพระราชกุมาร
อภัยราชกุมารเศร้าโศกเสียใจมากที่อยู่ๆ หญิงนางฟ้อนที่น่ารักมาเสียชีวิตไปต่อหน้า ดำริว่าความโศกของพระองค์ครั้งนี้ใครๆ ก็คงไม่อาจบรรเทาได้นอกจากพระศาสดา ดำริแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดาที่เวฬุวันวิหาร กราบทูลขอให้พระองค์ช่วยบรรเทาความโศกให้ด้วย
พระศาสดาทรงปลอบประโลมพระกุมารว่า
"ราชกุมาร พระองค์ทรงเศร้าโศกเพราะเหตุแห่งการตายจากของหญิงเหล่านี้ตลอดกาลนานในสงสารที่หาที่สุดมิได้ น้ำตาที่เคยหลั่งไหลของพระองค์นั้นมากมายนักจนไม่อาจประมาณ ขอราชกุมารอย่าได้โศกไปเลย เพราะข้อนั้นเป็นฐานะเป็นที่จมลงของชนพาลทั้งหลาย"
อภัยราชกุมารเป็นโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสารแห่งกรุงราชคฤห์ (ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสารกับหญิงโสเภณีนครแห่งแคว้นอวันตี) ครั้งหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารพระราชทานรางวัลให้อภัยราชกุมารที่ทำความดีความชอบปราบเหตุการณ์ไม่สงบที่ชายแดนแห่งหนึ่งลงได้ โดยพระราชทานหญิงนางฟ้อนรูปร่างสวยงามให้นางหนึ่งพร้อมกับให้ครองราชสมบัติอีก ๗ วัน
อภัยราชกุมารพอได้เสวยราชสมบัติก็เพลิดเพลินลุ่มหลงอยู่กับหญิงนางฟ้อนตลอดดวันตลอดคืน ไม่เสด็จออกมานอกพระราชมนเทียรเลย จนกระทั่งวันที่เจ็ดจึงเสด็จไปสรงสนานที่ท่าน้ำ แล้วเสด็จเข้าอุทยานให้หญิงนั้นฟ้อนและขับร้องเพลงถวาย แต่หญิงฟ้อนทำงานหนักมาตลอด ๗ วันไม่ได้พักผ่อน ร่างกายของเธออ่อนแรงจนทนไม่ไหวเป็นลมล้มลงและทำกาละไปต่อหน้าพระราชกุมาร
อภัยราชกุมารเศร้าโศกเสียใจมากที่อยู่ๆ หญิงนางฟ้อนที่น่ารักมาเสียชีวิตไปต่อหน้า ดำริว่าความโศกของพระองค์ครั้งนี้ใครๆ ก็คงไม่อาจบรรเทาได้นอกจากพระศาสดา ดำริแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดาที่เวฬุวันวิหาร กราบทูลขอให้พระองค์ช่วยบรรเทาความโศกให้ด้วย
พระศาสดาทรงปลอบประโลมพระกุมารว่า
"ราชกุมาร พระองค์ทรงเศร้าโศกเพราะเหตุแห่งการตายจากของหญิงเหล่านี้ตลอดกาลนานในสงสารที่หาที่สุดมิได้ น้ำตาที่เคยหลั่งไหลของพระองค์นั้นมากมายนักจนไม่อาจประมาณ ขอราชกุมารอย่าได้โศกไปเลย เพราะข้อนั้นเป็นฐานะเป็นที่จมลงของชนพาลทั้งหลาย"
ทรงตรัสพระคาถาว่า
เอถ
ปสฺสถิมํ โลกํ จิตฺตํ ราชรถูปมํ
ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ นตฺถิ สงฺโค วิชานตํ.
ท่านทั้งหลายจงดูโลกนี้ อันวิจิตรตระการดุจราชรถ
มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่หมกอยู่ แต่บัณฑิตผู้รู้หาข้องอยู่ไม่
ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ นตฺถิ สงฺโค วิชานตํ.
ท่านทั้งหลายจงดูโลกนี้ อันวิจิตรตระการดุจราชรถ
มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่หมกอยู่ แต่บัณฑิตผู้รู้หาข้องอยู่ไม่
จบธรรมเทศนาแล้ว
อภัยราชกุมารรู้เท่าทันโลกสำเร็จเป็นพระโสดาบัน
อรรถกถาคาถาธรรมบท โลกวรรค เรื่องอภัยราชกุมาร
อรรถกถาคาถาธรรมบท โลกวรรค เรื่องอภัยราชกุมาร
หมายเหตุ
คำว่าโลกในที่นี้หมายถึง ขันธโลก ที่ว่าดูวิจิตรสวยงามก็เพราะประดับประดาด้วยกิเลส ผู้ไม่รู้เท่าทันย่อมหลงข้องอยู่ในกิเลสทั้งหลายนั้น ส่วนผู้ใดรู้เท่าทันแล้วย่อมไม่ข้องคือไม่หลงติดอยู่
คำว่าโลกในที่นี้หมายถึง ขันธโลก ที่ว่าดูวิจิตรสวยงามก็เพราะประดับประดาด้วยกิเลส ผู้ไม่รู้เท่าทันย่อมหลงข้องอยู่ในกิเลสทั้งหลายนั้น ส่วนผู้ใดรู้เท่าทันแล้วย่อมไม่ข้องคือไม่หลงติดอยู่
................................
ศิริวรรตน์ สุวรรณฉวี
บ. สยามแท็ปโก้ จก.
มือถือ 082-6246962,
085-6164446
ศิริวรรตน์ สุวรรณฉวี
บ. สยามแท็ปโก้ จก.
มือถือ 082-6246962,
085-6164446
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages