ภาพพุทธประวัติสวยงามมาก

[oddy]

ภาพพุทธประวัติสวยงามมาก

 

ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน
อ.กฤษณะ สุริยกานต์
ศิลปินจากวิทยาลัยเพาะช่าง
ต้นฉบับภาพทั้งหมดถูกเขียนให้กับวัดหลายแห่ง

สามารถทำสำเนาภาพพิมพ์ได้ในขนาดสูงสุด 36x60 นิ้วเพื่อประดับห้องพระ หรือจะนำไปถวายวัดก็ได้
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ krishna...@hotmail.com
เว็บไซต์ www.thebuddhart.com

 

 

 

๑. อภิเษกสองกษัตริย์
เจ้าสุทโธทนะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมายา

แล้วขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าสุทโธทนะแห่งนครกบิลพัสดุ์

 

 

๒. อัญเชิญพระโพธิสัตว์
เทวดาและพระพรหมจากหมื่นจักรวาลอัญเชิญท้าวสันดุสิตโพธิสัตว์ให้จุติจากสรวงสวรรค์

เพื่อมาอุบัติและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

 

 

๓. สุบินนิมิตของพระนางมายา
พระนางมายาทรงพระสุบินว่าท้าวมหาราชทั้งสี่อัญเชิญไปสรงสนานในสระอโนดาษ

แล้วมาบรรทมบนพระแท่นทอง มีช้างขาวตัวประเสริฐมาทำประทักษิณ แล้วเข้าสู่อุทร

 

 

๔. ประสูติ
หลังจากบริหารพระครรภ์ครบสิบเดือน

พระนางมายาเสด็จกลับนครเทวทหะเพื่อให้ประสูติกาลท่ามกลางพระญาติ

แต่ทรงประสูติพระโอรสเสียก่อนในระหว่างทางที่สวนลุมพินีวัน

 

 

๕. อสิตดาบส
อสิตดาบสอาจารย์ของพระเจ้าสุทโธทนะเข้าเฝ้า

เห็นแล้วดีใจว่าพระกุมารนี้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่แล้วกลับร้องไห้เสียใจที่ตนเองมีอายุสังขารอยู่ไม่ถึงวันนั้น

 

 

๖. พราหมณ์พยากรณ์
วันที่ ๕ พราหมณ์โหราจารย์ผู้รู้ลักษณะมนต์ ๘ คน ทำนายพระกุมาร

พราหมณ์ ๗ คนทำนายเป็นสองสถานว่า หากพระกุมารครองราชสมบัติจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกบวชจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
แต่โกณฑัญญพราหมณ์ผู้มีอาวุโสน้อยกว่าพราหมณ์อื่นทำนายเพียงสถานเดียวว่าพระกุมารจะออกบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น

 

 

๗. ปาฏิหาริย์ใต้ต้นหว้า
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ ๕ ขวบ

พระเจ้าสุทโธทนะเสด็จไปทำพิธีจรดพระนังคัล พวกนางสนมพี่เลี้ยงปูผ้าให้เจ้าชายสิทธัตถะบรรทมใต้ต้นหว้าแล้วแอบหนีไปดูราชพิธี

เจ้าชายสิทธัตะตื่นบรรทมแลไม่เห็นผู้ใด จึงลุกนั่งขัดสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก จิตเข้าสู่สมาธิขั้นปฐมฌาน

เกิดมหัศจรรย์ว่าแม้จะบ่ายคล้อย แต่เงาของต้นหว้าไม่เคลื่อนไปตามดวงอาทิตย์

 

 

๘. ทรงแสดงศิลปวิทยา
เจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา

พระเจ้าสุทโธทนะจะให้อภิเษกสมรส เหล่าพระญาติติงว่าเจ้าชายเอาแต่สนุกสำราญไม่เคยเล่าเรียนศิลปวิทยา

ถ้าวันหน้ามีศึกสงครามจะทำไฉน?
เจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงแสดงศิลปวิทยาให้เป็นที่ประจักษ์เป็นที่ยอมรับของหมู่พระประยูรญาติ

 

 

๙. อภิเษกสมรส
เจ้าชายสิทธัตถะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงพิมพาแห่งนครเทวทหะ

ในขณะที่พระญาติอื่นๆ นำธิดามาถวายตัวเป็นพระสนม ๔๐,๐๐๐ นาง

 

 

๑๐. เทวทูตทั้งสี่
เจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่ในปราสาท ๓ ฤดู ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากทางโลกเลย

จนวันหนึ่งเมื่อมีพระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระองค์จึงเสด็จจากปราสาทไปประพาสอุทยาน

เทวดาได้โอกาสจึงเนรมิตเป็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช ปรากฏให้เจ้าชายเห็น

เจ้าชายสิทธัตถะทรงสลดสังเวชในทุกข์ภัยของความแก่ ความเจ็บ และความตาย

ทรงน้อมพระทัยไปในการบวชเพื่อหนทางการพ้นทุกข์

 

 

๑๑. ซากศพ
เจ้าชายสิทธัตถะทรงตื่นบรรทมขึ้นกลางดึก ทอดพระเนตรเห็นเหล่าสตรีนอนหลับทับเครื่องดนตรีอยู่

บางพวกนอนน้ำลายไหลจนตัวเปรอะ บางพวกกัดฟัน บางพวกกรน บางพวกละเมอ บางพวกอ้าปาก

บางพวกผ้านุ่งหลุดลุ่ยปรากฏอวัยวะสตรีเพศที่ควรซ่อนเร้น

พระองค์เห็นอาการน่าเกลียดเหล่านั้นทรงเบื่อหน่ายและตัดสินพระทัยจะออกบวช

 

 

๑๒. ราหุลคือบ่วง
พระโพธิสัตว์เสด็จไปทอดพระเนตรดูพระนางพิมพาและพระราหุลโอรสองค์น้อยที่เพิ่งประสูติ

ดำริว่าถ้าพระองค์จับมือพระเทวีหรือสัมผัสพระโอรส พระเทวีก็จะตื่นบรรทม

พระองค์จึงเพียงทอดพระเนตรดูแล้วตัดพระทัยเสด็จออกไป

 

 

๑๓. เสด็จออกบรรพชา
พระโพธิสัตว์ทรงม้ากัณฐกะ มีนายฉันนะเป็นผู้ติดตาม เสด็จออกบรรพชาในกลางดึก

แม้พระยามารจะมาขวางทูลว่าอีก ๗ วันพระองค์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่พระโพธิสัตว์ก็ไม่ทรงสนพระทัย

 

 

๑๔. อธิษฐานเพศบรรพชิต
พระโพธิสัตว์เสด็จผ่าน ๓ อาณาจักร ระยะทาง ๓๐ โยชน์ ภายในราตรีนั้น

ทรงอธิษฐานเพศบรรพชิตที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา

ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเมาลีออกแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ

ท้าวสักกเทวราชได้นำเอาผอบแก้วมารองรับเส้นพระเกศานั้นไปประดิษฐานไว้ในพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

 

 

๑๕. บำเพ็ญทุกรกิริยา
พระโพธิสัตว์เสด็จไปเรียนวิชาในสำนักของสองอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง คือ อุทกดาบสและอาฬารดาบส

ทรงสำเร็จฌาน ๘ แต่ทรงรู้ว่ายังไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์

พระองค์จึงเสด็จต่อไปยังอุรุเวลาเสนานิคม บำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างเคร่งครัดเพื่อค้นหาหนทางพ้นทุกข์

มีปัญจวัคคีย์นำโดยโกณฑัญญพราหมณ์ตามมาปรนนิบัติเพราะหวังจะได้ฟังธรรมก่อนผู้อื่น

 

 

๑๖. ข้าวมธุปายาส
พระโพธิสัตว์บำเพ็ญทุกรกิริยา ๖ ปี

ดำริว่าหนทางนี้มีแต่ความทรมาน ปัญญามืดทึบ ไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์ จึงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา

พระองค์ทรงหันกลับมาบริโภคอาหาร ปัญวัคคีย์เสียใจพากันหนีไป
วันเพ็ญเดือนวิสาขะ นางสุชาดาเสนียธิดาปรุงข้าวมธุปายาสมาพลีกรรมเทวดา

พบพระโพธิสัตว์จึงถวายข้าวพร้อมถาดทองมูลค่าแสนหนึ่งด้วยความศรัทธา

 

 

๑๗. อธิษฐานลอยถาดทอง
พระโพธิสัตว์ปั้นข้าวมธุปายาสได้ ๔๙ คำ ทรงเสวยหมดแล้วนำถาดไปลอยในแม่น้ำเนรัญชรา

ทรงอธิษฐานว่าหากวันนี้พระองค์จะได้ตรัสรู้ไซร้ ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ
ขณะนั้นถาดทองก็ลอยทวนน้ำ แล้วจมลงสู่พิภพนาคราช

 

 

๑๘. ผจญพระยามาร
คืนนั้น พระโพธิสัตว์เสด็จขึ้นประทับบนโพธิบัลลังค์ใต้ต้นโพธิ

พระยามารยกพลมารมาขัดขวาง แต่ไม่อาจทำอันตรายพระโพธิสัตว์ได้ พ่ายแพ้แก่ทศบารมีหนีกลับไป

 

 

๑๙. อภิญญาญาณ
พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญสมาธิภาวนาต่อไป
ช่วงปฐมยาม ทรงสำเร็จบุพเพนิวาสญาณ สามารถระลึกชาติได้อนันตชาติ
ช่วงมัชฌิมยาม ทรงสำเร็จทิพพจักขุญาณอันบริสุทธิ์

ทรงเห็นเหตุ และกำเนิดของสรรพสัตว์ได้อย่างไม่ขัดข้อง

 

 

๒๐. ตรัสรู้
ช่วงปัจฉิมยาม ทรงหยั่งพระญาณลงในปฏิจจสมุปบาทได้

ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยามใกล้รุ่ง

หมื่นโลกธาตุก็สั่นไหวถึง ๑๒ ครั้ง บุรพนิมิต ๓๒ ประการก็ปรากฏ

 

 

๒๑. ธิดามาร
หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงเสวยวิมุติสุขอยู่บริเวณนั้น ๗ สัปดาห์
สัปดาห์ที่ ๕ ทรงถูกธิดามารผจญ

นางราคา ตัณหา อรตี ธิดามารมายั่วยวนด้วยมายาหญิง แต่พระองค์ทรงเอาชนะได้

 

 

๒๒. มุจรินทร์นาคราช
สัปดาห์ที่ ๖ ประทับนั่งใต้ต้นมุจลินท์

พระยามุจลินทนาคราชได้เนรมิตตนให้ใหญ่วงเป็นขนดล้อมพระพุทธองค์และแผ่พังพานไว้เบื้องบน

ช่วยบังฝนหลงฤดูที่ตกลงมาตลอด ๗ วัน

 

 

 

๒๓. บัวสี่เหล่า
พระพุทธองค์ทรงปริวิตกว่า

พระสัทธรรมที่พระองค์ตรัสรู้นั้นลึกซึ้งยิ่งนักยากจะหาสัตว์เข้าใจได้

พระองค์จึงน้อมพระทัยไปว่าจะไม่แสดงธรรม

ท้าวสหัมบดีพรหมทรงทราบปริวิตกของพระพุทธองค์ จึงลงมาจากพรหมโลกกราบทูลว่า

สัตว์โลกผู้มีปัญญานั้นมีอยู่ ขออาราธนาให้พระองค์เทศนาสั่งสอนสรรพสัตว์ด้วยเถิด
พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาสรรพสัตว์อีกครั้ง ดำริว่าคนบางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า

คือ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา สามารถบรรลุธรรมได้

แต่คนบางพวกก็เขลาเบาปัญญาหนักหนาด้วยกิเลสไม่อาจสั่งสอนได้

ทรงจำแนกสัตว์เป็น ๔ เหล่า ในที่สุดก็ตัดสินพระทัยเผยแผ่พระศาสนา

 

 

๒๔. ปฐมเทศนา
พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปัตนมฤคทายวัน

แสดงธรรมจบแล้วโกณฑัญญพราหมณ์มีดวงตาเห็นธรรม

 

 

๒๕. โอวาทปาฏิโมกข์
พระพุทธองค์ทรงนำธรรมยาตราไปประดิษฐานพระศาสนาในนครราชคฤห์

ทรงจำพรรษาที่สองที่เวฬุวันวิหารที่พระเจ้าพิมพิสารถวาย

วันเพ็ญเดือนอาสาฬหะปีนั้นพระอรหันต์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป เข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ซึ่งพระศาสดาก็ทรงแสดงธรรมด้วย โอวาทปาฏิโมกข์

 

 

๒๕. เสด็จนิวัติพระนคร
ออกพรรษาที่สองแล้ว

พระพุทธองค์ทรงนำภิกษู ๒๐,๐๐๐ รูป เสด็จสู่กรุงกบิลพัสดุ์เพื่อโปรดหมู่พระประยูรญาติ

 

 

๒๖. โปรดพระนางพิมพา
วันที่ ๓ พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปสู่ตำหนักและแสดงธรรมโปรดพระนางพิมพา

 

 

๒๗. สามเณรราหุล
วันที่ ๗ พระนางพิมพาให้ราหุลราชโอรสไปทูลขอสมบัติจากพุทธบิดา

พระพุทธองค์จึงมอบอริยสมบัติให้โดยให้ราหุลบรรพชาเป็นสามเณรรูปแรกในพุทธศาสนา

 

 

๒๘. พระนันทะเที่ยวสวรรค์
พระนันทะพุทธอนุชาผู้ออกบวชด้วยความจำใจกระสันอยากสึกเพราะคิดถึงพระชายา

พระพุทธองค์จึงแสดงปาฏิหาริย์พาพระนันทะไปเที่ยวสวรรค์

ทรงประกันว่าหากพระนันทะไม่สึกจะได้สาวสวรรค์เหล่านี้ผู้ซึ่งงามกว่าพระชายามากมายนัก

พระนันทะจึงไม่สึก บำเพ็ญสมณกิจสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในไม่ช้า

 

 

๒๙. พระเจ้าสุทโธทนะปรินิพพาน
พรรษาที่ ๕ พระพุทธองค์เสด็จจากป่ามหาวัน นครเวสาลี มาถวายการพยาบาลพระเจ้าสุทโธทนะที่ทรงประชวร

ทรงแสดงธรรมถึงความไม่เที่ยงของสังขาร

พระเจ้าสุทโธทนะสดับพระธรรมเทศนาแล้วบรรลุอรหัตผล และปรินิพพานภายใต้มหาเศวตฉัตร

 

 

๓๐. โปรดพุทธมารดาบนสวรรค์
พรรษาที่ ๖ พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ข่มพวกเดียรถีย์

แล้วเสด็จขึ้นไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดาและเหล่าเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตลอด ๓ เดือน

ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๘๐,๐๐๐ โกฏิ

 

 

๓๑. พระเจ้าเปิดโลก
ออกพรรษาแล้ว พระพุทธองค์เสด็จกลับจากเทวโลกสู่เมืองมนุษย์ที่สังกัสสนคร

ทรงเปิดโลกธาตุให้มนุษย์ เทวดา และสัตว์นรก แลเห็นกันตลอด แล้วทรงแสดงธรรม

ธรรมาภิสมัยบังเกิดขึ้นแก่สัตว์อีก ๓๐ โกฏิ

 

 

๓๒. อาหารมื้อสุดท้าย
พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขารว่าอีก ๓ เดือนพระองค์จะปรินิพพาน จากนั้นทรงเสด็จไปกุสินารา
นายจุนทกัมมารบุตรทราบข่าวว่าพระพุทธองค์เสด็จมาถึง จึงนิมนต์ไปถวายสุกรมัทวะ

เมื่อเสวยแล้วพระพุทธองค์ทรงมีพระอาการอาพาธกำเริบ

นี่จึงนับเป็นพระกระยาหารมื้อสุดท้าย

 

 

๓๓.ปรินิพพาน
พระพุทธองค์ทรงประทับสีหไสยาสน์บนพระแท่นใต้สาคะคู่

ในสาลโนทยานอันเป็นที่เคยพักแรมของมัลลกษัตริย์นอกกรุงกุสินารา ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย

บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งตถาคตแล้ว

เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา

พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมพิจารณาสังขารเถิด
แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จดับขันธปรินิพพานในปัจฉิมยามของวันเพ็ญเดือนวิสาขะ

เมื่อมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา

 

 

Mr.Panpasin Suwanchawee
SIAM TAPCO COMPANY LIMITED
94/59 Moo 9, Bangkruai-Sainoi Rd., Banglen, Bangyai, Nonthaburi, 11140 THAILAND
089-9920404, 086-6076298, 085-1001750