ไม้กฐินที่หลวงปู่สาครพูดถึงข้างต้นนั้นจะใช่ไม้กระถินริมรั้วที่เรารู้จักกันหรือเปล่าไม่รู้
และเกร็ดนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รับรองเพราะไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ที่เคยเจอในพระไตรปิฎก (อยู่ในกฐินขันธกะ พระวินัยปิฎกเล่ม 4)
กล่าวถึงความเป็นมาของกฐินเอาไว้ว่า
สมัยหนึ่ง
เมื่อพระพุทธองค์ทรงจำพรรษาอยู่ที่วัดเชตวัน
(มหาวิหารที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้สร้างถวาย) เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล
อยู่ในราวๆ พรรษาที่ 6 ในช่วงก่อนเข้าพรรษาปีนั้นมีภิกษุปาไฐยรัฐจำนวน 30 รูป
รีบเร่งเดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่เดินทางมาถึงแค่เมืองสาเกตที่อยู่ห่างสาวัตถี 6
โยชน์ ก็ถึงวันเข้าพรรษาเสียก่อน ภิกษุปาไฐยรัฐจึงต้องอยู่จำพรรษาที่นั่น 3 เดือน
พอออกพรรษาปั๊บ ภิกษุปาไฐยรัฐก็รีบเร่งเดินทางต่อ ตอนนั้นยังไม่ทันหมดฝนดี
หนทางยังเปียกแฉะมีหล่มเลนเต็มไปหมด
จีวรของภิกษุปาไฐยรัฐจึงเปียกปอนและเปื้อนโคลนทุลักทุเลพอดู
เมื่อไปถึงเชตวันวิหาร
ภิกษุทั้ง 30 รูปก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ตรัสถามทุกข์สุขภิกษุเหล่านั้นว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
อยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียงดีไหม บิณฑบาตลำบากหรือเปล่า
ภิกษุกราบทูลว่าไม่ลำบากอะไร
เพียงแต่ระหว่างเดินทางมานี่จีวรทั้งเปียกและเปื้อนไปหมด
พระพุทธเจ้าจึงตรัสอนุญาตให้ภิกษุรับผ้าจากคฤหบดีเพื่อนำมาตัดเย็บเป็นผ้าไตรจีวรใหม่ได้
นี่เป็นจุดเริ่มของ กฐิน
2.
วันที่ 27 ตุลาคม
2556
วัดที่สองที่ทอดกฐินคือวัดป่ามณีกาญจน์
อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
วัดนี้อยู่ใกล้กรุงเทพที่สุดแล้วจึงมีคนไปร่วมถวายกฐินด้วยกัน
5 คน นอกจากจะหอบหิ้วเครื่องกฐินของเขาไปถวายแล้วขากลับยังหอบหิ้วเครื่องกฐินที่มีผู้ฝากไปถวายที่วัดสวนป่าสิริธโร
กับเวฬุวัน อีก 2 ชุด
บรรยากาศกลางคืนก่อนวันทอดกฐิน
สวดมนต์และฟังธรรม
หลวงปู่อุทัย สิริธโรแสดงธรรม
วันรุ่งขึ้นถวายผ้ากฐิน
ดูกันอีกครั้งกับอนาคตนางฟ้าที่ไปร่วมพิธี
|
ภิกษุปาไฐยรัฐในตำนานกฐินนี้เดาเอาว่าส่วนมากมักจะไม่รู้จักกันว่าท่านเป็นใครกันหนอ
แต่น่าจะร้องอ๋อ.. ทันที
ถ้าบอกว่าภิกษุเหล่านี้คือภิกษุภัททวัคคีย์นั่นเอง
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ นั้น
พระองค์เสด็จไปแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปัตนมฤคทายวัน แล้วทรงจำพรรษาอยู่ที่นั่น
ทำให้มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลกหลายองค์ คือ พระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 พระยสะและสหายรวม
55 กับพระนาลกะอีก 1 พระนาลกะนี่ท่านเป็นหลานอสิตะดาบส บวชเป็นฤาษีรอพระพุทธเจ้ามา
35 ปีแล้ว พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็ออกจากป่ามาฟังธรรม เสร็จแล้วก็กลับเข้าป่า
ปฏิบัติโมเนยยปฏิปทาแบบอุกฤษณ์ แล้วก็นิพพานไม่นานหลังจากนั้น
พระอรหันต์ที่เหลืออยู่รอบพระพุทธเจ้าจึงมีเพียง 60 รูป หลังออกพรรษาแล้ว
พระพุทธเจ้ารับสั่งให้พระอรหันต์ทั้ง 60 รูป
แยกย้ายกันไปเผยแผ่พระศาสนาอย่าไปซ้ำทางกัน
ส่วนพระพุทธองค์เสด็จไปสู่ราชคฤห์เพื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสารตามที่พระเจ้าพิมพิสารทูลขอไว้สมัยพระองค์ออกบวชใหม่ๆ
ว่าตรัสรู้แล้วขอให้ไปเทศนาสอนพระองค์ที่กรุงราชคฤห์ด้วย
ระหว่างทาง
พระพุทธเจ้าทรงพบหนุ่มๆ ภัททวัคคีย์ 30 คนที่ไร่ฝ้าย
กำลังค้นหาหญิงคนหนึ่งที่แอบขโมยเครื่องประดับไป พระพุทธองค์ตรัสถามว่า
ทรัพย์นอกกายกับอริยทรัพย์ อย่างไหนน่าค้นหากว่ากัน
ภัททวัคคีย์สนใจจึงนั่งลงฟังธรรม จบแล้วมีดวงตาเห็นธรรมขั้นต่ำเป็นพระโสดาบัน
แต่ไม่มีใครสำเร็จเป็นพระอรหันต์เลย
แต่ทั้งหมดก็ออกบวชเป็นภิกษุด้วยเอหิภิกขุ
ภิกษุภัททวัคคีย์เหล่านี้เป็นชาวปาไฐยรัฐ
มาท่องเที่ยวต่างเมืองจนได้ฟังธรรมแล้วออกบวช
หลังจากบวชแล้วจึงจาริกกลับบ้านเดิมเพื่อปฏิบัติสมณธรรมต่อ
แต่ก็ยังไม่มีใครสำเร็จเป็นพระอรหันต์ หลายปีผ่านไป...
ได้ยินว่าพระพุทธองค์มาจำพรรษาที่สาวัตถีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปาไฐยรัฐมากนัก
ภิกษุเหล่านี้จึงร้อนใจเดินทางไปเข้าเฝ้าเพื่อจะได้ฟังธรรมอีก
ซึ่งหลังจากได้ฟังธรรมเพิ่มเติมแล้วไม่นานภิกษุภัททวัคคีย์ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
3.
วันที่ 9 พฤศจิกายน
2556
ทอดกฐินที่วัดสวนป่าสิริธโร อ.ปากช่อง
จ.นครราชสีมา
วัดนี้อยู่บนเขาใหญ่ออกไปทางวังน้ำเขียว
เดินทางไกลหลายชั่วโมงจึงมีผู้ร่วมเดินทางไปถวายกฐินกันเพียง 2 คน
เช้าพระภิกษุออกรับบาตรหน้าศาลา
พระภิกษุฉันจังหันในศาลา
ส่วนญาติโยมก็ฝากท้องกับโรงทาน
ไปทำบุญวัดป่าไม่ต้องกลัวอด
มีผู้ใจบุญทำอาหารมาออกโรงทานอิ่มกันถ้วนหน้า
เสร็จแล้วก็เข้าสู่พิธี
ถวายผ้ากฐิน เน้นว่าเป็นผ้าขาว
ผ้าสีอาจจะหลุดรอดขึ้นไปบ้างเล็กน้อย
แต่ส่วนใหญ่จะต้องเป็นผ้าขาว
สวดอุปโลกน์
ให้พร จบแบบสั้นๆ ง่ายๆ
ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง
หลังจากถวายผ้ากฐินที่วัดสวนป่าสิริธโรแล้ว
ได้ไปถวายข้าวสารที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ธรรมโมลี จำนวน 5 ถัง
พร้อมกับร่วมทอดกฐินด้วยปัจจัย 2,000 บาท
จากนั้นได้ร่วมทอดกฐินกับวัดเขายายเที่ยงเหนือด้วยปัจจัยอีก 1,000 บาท
(ทั้งสองแห่งนี้เป็นวัดบ้าน
จึงไม่ได้ถวายผ้าขาว) |
การทอดกฐินนั้น พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยเอาไว้เยอะพอสมควร แต่หลักๆ
ที่ควรรู้ก็คือ
- กฐิน
ต้องเกิดจากชาวบ้านศรัทธาวัตรปฏิบัติของภิกษุจึงนำผ้าไปถวาย
ไม่ใช่ภิกษุเที่ยวไปขอให้ชาวบ้านมาทอดกฐิน แบบนั้นจะเป็นกฐินเดาะ
- เครื่องกฐิน
คือ ผ้าขาว เพราะภิกษุต้องนำไปตัด เย็บ และย้อมกันเอง
ในพระวินัยกำหนดด้วยว่าภิกษุในอาวาสนั้นทุกรูปต้องมีส่วนร่วมในการทำผ้ากฐิน
แม้พระพุทธํเจ้าเองก็ทรงช่วยด้วย
การถวายผ้าไตรจีวรสำเร็จจึงไม่ใช่กฐินที่ถูกต้องตามพระวินัย
แต่ส่วนใหญ่ก็ถวายกันเพราะจะให้พระท่านมาตัดเย็บไตรจีวรเองทุกวัดคงไม่ไหว
-
ผู้รับกฐิน คือ สงฆ์ที่อยู่จำพรรษาในอาวาสนั้นตลอด 3 เดือน คำว่าสงฆ์ หมายถึงภิกษุ
4 รูปขึ้นไป ดังนั้นวัดที่จะรับกฐินได้จึงต้องมีภิกษุจำพรรษาไม่น้อยกว่า 4 รูป
(แต่บางท่านว่าต้องมี 5 รูป เพราะ 4 รูปต้องกรานกฐิน
อีกรูปหนึ่งรับผ้ากฐิน
4.
วันที่ 13
พฤศจิกายน 2556
ทอดกฐินที่วัดวาชูคุ และวัดพุจือ อ.ทองผาภูมิ
จ.าญจนบุรี
วัดนี้อยู่ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ในอดีตเป็นที่พำนักของพระอาจารย์เสถียรที่หลวงตามหาบัวเคยบอกว่าเป็นพระทองคำ
จึงเชื่อกันว่าท่านเป็นพระอรหันต์
การเดินทางเข้าทุ่งใหญ่ต้องใช้รถ 4WD
และผ่านเส้นทางแบบนี้ ระยะทาง 60 กม. แต่ใช้เวลาทั้งวัน
จึงใช้วิธีฝากเครื่องกฐินเข้าไป
(ฤดูฝนหมดสิทธิเข้าเพราะน้ำในลำธารสูงมากจนรถวิ่งไม่ได้
แต่ละปีจะมีช่วงประมาณ 3
เดือนที่วัดนี้ติดต่อโลกภายนอกไม่ได้เลย)
|
กฐินเป็นสังฆทานที่มีกาลจำกัด คือเพียง 1 เดือนหลังออกพรรษา
จึงเชื่อว่าใครได้ถวายกฐินจะได้อานิสงส์มาก
ซึ่งอานิสงส์ก็มากจริงๆ ที่มากไม่ใช่เพราะเป็นกฐิน
แต่มากเพราะใจที่ศรัทธามากกว่าปกติ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"กรรมทั้งหลายสำเร็จแล้วแต่ใจ"
5.
วันที่ 17
พฤศจิกายน 2556
ทอดกฐินวัดเวฬุวัน
อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
บรรยากาศยามค่ำคืนที่วัดเวฬุวัน
คืนนี้ไม่ได้สวดทำวัตรเย็นเหมือนปกติ
แต่พระสงฆ์สวดพระปริตรแทน
จบแล้วประพรมน้ำมนต์ให้ญาติโยมเป็นศิริมงคล
ช่วงเช้าพระภิกษุเดินรับบาตรรอบศาลา
พระฉันจังหันเช้าในศาลา
วัดป่าพระจะฉันในบาตร และฉันแค่มื้อเดียว
ใครที่มารักษาศีลที่วัดป่าก็ต้องลดอาหารเหลือเพียงมื้อเดียวเหมือนกัน
ระหว่างพระฉันจังหัน
ญาติโยมก็อิ่มหนำสำราญกับอาหารในโรงทานที่มีเยอะแยะมากมาย
ต้องพยายามชิมให้ได้มากที่สุด
ถ้าเดินผ่านเลยไปแล้วไม่ช่วยชิมจะโดนเจ้าของโรงทานค้อนเอาได้
กล้วย อ้อย ฟักแฟง มะพร้าว ส้มโอ แตงโม ฯลฯ
มีญาติโยมเอามากองไว้รอบวัดสำหรับแจกผู้มาร่วมทำบุญ
เป็นการให้ทานอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการออกโรงทาน
ของพวกนี้เอากลับบ้านได้
เพราะเจ้าของตั้งใจเอามาแจกเป็นทานอย่างหนึ่ง และพระสงฆ์ท่านสวดยัคเคฯ
แจกจ่ายให้แล้วอีกอย่างหนึ่ง
เข้าสู่พิธีถวายผ้ากฐิน
พระสงฆ์อุปโลกน์กฐิน
จากนั้นก็ให้พรและจบพิธีกันแบบเรียบง่าย
ที่วัดเวฬุวันนี้นอกจากจะถวายผ้ากฐินเหมือนวัดอื่นๆ แล้ว
ปัจจัยที่เหลือทั้งหมดอีก 5,300 บาท
ก็ได้ถวายที่วัดนี้ไปทั้งหมด |
สรุปปัจจัยทำบุญ
ได้รับปัจจัยทำบุญทั้งผ่านทางบัญชีธนาคาร
และรับเป็นเงินสดดังนี้
-
ผ่านบัญชีธนาคาร 18,049.00
บาท
-
รับเป็นเงินสด
11,879.00 บาท
- รวมปัจจัยทำบุญทั้งสิ้น 29,928.00
บาท
ผู้ร่วมทำบุญประกอบด้วย
-
เจ๊โป่ง, พี่รุ่ง, อ.จุมพล, อาร์ม, สามารถ
(รุ่งเรือง), คุณนายโอ๋, ป้าสม (จิตต์) อมร(ภัทรกุล)
- คุณศุภชัย
พินิจสะวะและครอบครัว, คุณสาธิต แดงยั่งยืน, คุณนลินทิพย์
เถียรประภากุล
- คุณวัชรินทร์ อาจสร้อย, คุณพุทธรักษ์
จันทร์ศิริ, คุณบุญธรรม บัวระวงศ์, คุณวาสุกรี อินทร์ด้วง
- คุณรจนา
ขาวสกุล, คุณแคทรียา เปียตัน, คุณปาณิสา ถาวิชัย, คุณวิลันดา
มะลาศรี
- คุณปาณรดา กรศักดิ์ปภัชญา, คุณศิริญา
ตู้ยาเขียว, ป้าแจ๋ว, เจ้าลาว
- คุณบุญตา, คุณบุญทรง, คุณกำพล
คุณอัจฉรา, คุณอภิสิทธิ วัฒนกุลวิวัฒน์
- พี่ขวัญเมือง, คุณองค์อาจ แต้มทอง
และครอบครัว, คุณณรงค์ศักดิ์
- ป้าหมุด
คุณสมเดช, คุณพิมชุกาญจน์, คุณศิริวรรตน์และคุณอิทธิวรรตน์
(ชื่อจริงบ้าง ชื่อเล่นบ้าง มีนามสกุลบ้าง ไม่มีบ้าง
ตามสะดวกผู้พิมพ์ครับ)
เครื่องกฐินทั้งหมดประกอบด้วย
1.
ผ้าขาวซันฟอไรซ์ตราหมื่น 6 พับ (94
หลา) 3,760 บาท
2.
ผ้าป่านอินเดียตราเหรียญทองคู่ 7 พับ (210 หลา) 8,400 บาท
3. ด้ายผ้าฝ้ายสีขาว 6
ม้วนใหญ่
1,800 บาท
4. สีย้อมผ้าตราสิงโตคู่ 10
กระป๋อง
180 บาท
5. ใบมีดโกนขนนก 6
กล่องใหญ่
2,880 บาท
6. ด้ามมีดโกนขนนก 2
กล่อง
968 บาท
7. ข้าวหอมมะลิ 5
ถัง
2,640 บาท
รวมค่าเครื่องกฐิน
20,628 บาท
ถวายวัดเป็นเงินสด
9,300 บาท
สรุปรายชื่อวัดที่ทอดกฐินทั้งหมดจำนวน 8 วัด คือ
1. วัดป่ากุลสุวรรณ (23
ตค.56)
2. วัดป่ามณีกาญจน์ (27 ตค.56)
3. วัดสวนป่าสิริธโร (9 พย.56)
4.
วัดเขายายเที่ยงเหนือ (10 พย.56)
5. วัดป่าวาชูคุ (13 พย.56)
6. วัดพุจือ (13
พย.56)
7. ศูนย์ปฏิบัติธรรม ธรรมโมลี (16 พย.56)
8. วัดเวฬุวัน (17
พย.56)
ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญอันเป็นกุศลที่หาทำได้ยากในสังสารวัฏฏ์นี้ร่วมกันครับ
ผลของบุญนี้ไม่ว่าจะมีอานิสงส์เพียงใด
ขอให้อานิสงส์นั้นจงเกิดแก่ผู้ร่วมทำบุญ ผู้ร่วมอนุโมทนาบุญ และสมาชิกผู้ได้รับ
email นี้ทุกท่าน เทอญ.
ปิดท้ายด้วยข่าวสำหรับผู้ที่มีความศรัทธาในหลวงพ่อสายทองและรอว่าเมื่อไหร่หลวงพ่อสายทองจะมากรุงเทพ
ก่อนสิ้นปีนี้
หลวงพ่อสายทองมีกิจนิมนต์ในกรุงเทพวันที่ 15 ธันวาคม
2556
ท่านใดต้องการกราบหลวงพ่อสายทอง หรืออยากจะไปทำบุญกับหลวงพ่อด้วยมือ
(พร้อมกับรับวัตถุมงคลจากมือหลวงพ่อ) ก็ขอเชิญครับ
หลวงพ่อสายทองจะมาพักค้างคืนวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2556
ที่โรงงาน ยู ไอ สตีล ไพพ์ อยู่ถนนพุทธสาคร-กระทุ่มแบน
หลวงพ่อจะรับแขกประมาณหกโมงเย็นถึงสามทุ่มครับ
(เวลาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับรถตู้ที่ท่านมาว่าจะติดขัดอะไรหรือเปล่า)
ใครไม่เคยไปและต้องการจะไป
เดี๋ยวผมส่งแผนที่ให้ครับ