๏ฟฝำนาน๏ฟฝันสง๏ฟฝ๏ฟฝาน๏ฟฝ๏ฟฝ ๏ฟฝับ ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝลชาด๏ฟฝ ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสดีป๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝอง

57 views
Skip to first unread message

oddy.freebird

unread,
Apr 12, 2014, 5:20:56 AM4/12/14
to ๏ สาระธรรม ๏
    หลายคนมักเข้าใจผิดว่าตำนานวันสงกรานต์นั้นมีที่มาจากพุทธศาสนา แม้แต่พระหลวงตาในวัดยังเทศนาเจื้อยแจ้วว่ามาจากชาดก จริงๆ แล้วตำนานวันสงกรานต์ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยกับพุทธศาสนา และไม่มีกล่าวถึงเลยในพระไตรปิฎก รวมทั้งไม่มีในชาดกด้วย เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แต่เริ่มต้นมาทบทวนตำนวนวันสงกรานต์กันก่อน
 
 
ตำนานวันสงกรานต์
    ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
    มีเศรษฐีคนหนึ่งมีทรัพย์สมบัติมากแต่กลับไม่มีทายาทสืบสกุล ยาจกคนหนึ่งมีบุตรมากซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆ บ้านเศรษฐีจึงดูถูกว่า แม้เศรษฐีจะมีสมบัติมากมายก็ไร้
ประโยชน์เพราะไม่มีทายาทสืบสกุล เศรษฐีจึงทำพิธีบวงสรวงขอบุตร แต่เวลาผ่านไปหลายปีก็ยังไม่มีบุตรเสียที ในที่สุดเศรษฐีจึงไปขอบุตรจากพระไทร พระไทรสงสารจึงขึ้นสวรรค์ทูลขอบุตรจากพระอินทร์ให้เศรษฐี พระอินทร์ก็ประทาน
ธรรมบาลเทพบุตรให้จุติลงมาเกิดเป็นบุตรของเศรษฐีผู้นั้น
    เศรษฐีจึงมีบุตรชื่อว่า ธรรมบาลกุมาร เขาปลูกเรือน ๗ ชั้นให้กุมารที่ริมแม่น้ำใกล้ต้นไทร ธรรมบาลกุมารเป็นเด็กฉลาดมาก พออายุ ๗ ขวบก็เรียนจบไตรเภท และยังรู้ภาษานกด้วยเพราะได้ยินเสียงนกอยู่ทุกวัน
    ท้าวกบิลพรหมทรงทราบอยากทดสอบเชาวน์ปัญญาของธรรมบาลกุมาร จึงเสด็จ
มายังโลกมนุษย์ ตั้งคำถามธรรมบาลกุมาร ๓ ข้อ โดยท้าพนันว่าหากธรรมบาลกุมารแก้ปัญหาได้ท้าวกบิลพรหมจะตัดเศียรตัวเองบูชา แต่ถ้าแก้ไม่ได้ท้าวกบิลพรหมจะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารแทน
ปัญหา ๓ ข้อนั้นถามว่า
ข้อ ๑ เวลาเช้าราศีอยู่แห่งใด
ข้อ ๒ เวลาเที่ยงราศีอยู่แห่งใด
ข้อ ๓ เวลาค่ำราศีอยู่แห่งใด
    ธรรมบาลกุมารตอบไม่ได้ ท้าวกบิลพรหมจึงให้เวลาธรรมบาลกุมารคิดหาคำตอบ ๗ วัน
    ธรรมบาลครุ่นคิดหาคำตอบจนเวลาผ่านไปถึง ๖ วันก็ยังตอบไม่ได้คิดไม่ออก จึงออกจากเรือนไปนอนใต้ต้นตาลด้วยความกลุ้มใจ
    บนต้นตาลนั้นมีนกอินทรีผัวเมียอาศัยอยู่ ธรรมบาลกุมารได้ยินแม่นกถามพ่อนกว่า
พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารที่ไหนกันดี พ่อนกบอกว่าพรุ่งนี้เราไม่ต้องไปไหน เราจะได้กินร่างของธรรมบาลกุมารเพราะธรรมบาลกุมารคงตอบคำถามของท้าวกบิลพรหม
ไม่ได้
    แม่นกกล่าวว่า น่าสงสารธรรมบาลกุมารเสียจริงๆ ที่ตอบคำถามไม่ได้ แล้วท่านรู้
ไหมว่าคำตอบคืออะไร
    พ่อนกตอบว่ารู้สิ
คำตอบแรก เวลาเช้าราศีอยู่ที่หน้า มนุษย์ตื่นเช้าจึงล้างหน้าล้างตาให้ผ่องใส
คำตอบที่สอง กลางวันราศีอยู่ที่อก กลางวันมนุษย์จึงเอาน้ำอบน้ำหอมมาประพรมกันที่อก
และคำตอบที่สามตอนเย็นราศีอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงเอาน้ำล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อนจึงเข้านอน
    ธรรมบาลกุมารได้ยินจึงจดจำคำตอบไว้
    ครบ ๗ วันท้าวกบิลพรหมมาทวงคำตอบจากธรรมบาลกุมาร ปรากฏว่าธรรมกุบาลสามารถตอบคำถามได้ ท้าวกบิลพรหมจึงต้องตัดเศียรตัวเองตามคำสัญญา แต่เศียรของท้าวกบิลพรหมนั้น หากตกลงต้องพื้นดิน พื้นดินจะลุกเป็นไฟ หากตกลงในทะเล น้ำก็จะเหือดแห้งหมด และหากโยนขึ้นไปในอากาศ ฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล ท้าวกบิลพรหมจึงเรียกธิดาทั้ง ๗ มาสั่งเสียให้นำพานมารองรับเศียรของท้าวกบิลพรหม นางทุงษะธิดาคนโตได้นำพานมารองรับเศียรตามคำของบิดา แล้วพาน้องๆ เดินแห่รอบเขาพระสุเมรุ แล้วจึงอัญเชิญเศียรของบิดาไปเก็บในมณฑปถ้ำธุลีที่เขาไกรลาศ
    ครบรอบปีเมื่อพระอาทิตย์โคจรขึ้นสู่ราศีเมษอันเป็นวันครบรอบที่บิดาตัดเศียร ธิดาคนหนึ่งของท้าวกบิลพรหมก็จะอัญเชิญเศียรของบิดาออกจากเขาไกรลาสมาเวียนรอบเขาพระสุเมรุ เรียกว่าวันมหาสงกรานต์ โดยตกลงกันว่าหากวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันใด ก็ให้ธิดาองค์ต่างๆ รับผิดชอบมาอัญเชิญเศียรของท้าวกบิลพรหม คือ
วันอาทิตย์ ทุงษะเทวี
วันจันทร์ โคราคะเทวี
วันอังคาร รากษสเทวี
วันพุธ มณฑาเทวี
วันพฤหัสบดี กิริณีเทวี
วันศุกร์ กิมิทาเทวี
วันเสาร์ มโหธรเทวี
    นี่คือตำนานวันสงกรานต์
 
 
 
    กลับมาเรื่องที่ว่าตำนานวันสงกรานต์ไม่มีในทางพุทธศาสนา ไม่มีในคัมภีร์ไม่ได้แปลว่าไม่จริงหรือเป็นเรื่องโกหก เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการพ้นทุกข์จำนวนเพียงแค่ใบไม้ในกำมือเท่านั้น พระองค์ไม่ได้ตรัสถึงใบไม้ที่มีอยู่มากมายในป่าใหญ่
    หากพิจาณาเนื้อเรื่องของตำนานดูสักหน่อยก็รู้ได้เองว่าเรื่องนี้คงไม่มีในคัมภีร์ทางศาสนาแน่ๆ เพราะดูจะแปลกๆ ที่ว่าท้าวกบิลพรหมทำไมมีลูกสาวตั้ง ๗ คน เพราะพระพรหมเป็นเพศพรหม ไม่ได้มีหญิงมีชาย พรหมไม่อยู่เป็นคู่ ไม่มีเมียแล้วจะมีลูกสาวได้อย่างไร ท้าวกบิลพรหมจึงน่าจะเป็นแค่ชื่อเรียก ไม่ได้เป็นพระพรหมจริงๆ เพราะต่างจากพระพรหมที่กล่าวถึงในอรรถกถาอยู่มาก
 
    ถ้าจะให้เดา ก็ต้องเดาว่ากบิลพรหมท่านคงเป็นนักสิทธิ์หรือฤาษีที่มีชื่อว่า กบิลพรหม เสียมากกว่า เพราะในคัมภีร์อรรถกถาหรือตำนานทางฮินดูหลายเรื่องที่กล่าวถึงฤาษี พวกนี้อิทธิฤทธิ์เยอะๆ กันทั้งนั้น ตัวอย่างเช่นจอมอสูรที่ฟาดหัวฟาดหางไปพังอาศรมของฤาษีหลายหน โดนฤาษีแช่งคำเดียวก็เกิดอาการหวาดผวา นอนทีไรเป็นต้องสะดุ้งทั้งคืนจนได้ชื่อว่า ท้าวเวปจิตติจอมอสูร นี่คือฤทธิ์เดชของฤาษีที่กล่าวไว้ในอรรถกถา
    แล้วทำไมฤาษีถึงมีเมีย
    เพราะฤาษียังมีกิเลสเป็นบางครั้งบางคราว ฤาษีหลายตนจึงมีเมีย อย่างเช่น ฤาษีตาไฟ ที่มีคนนับถือกันมากท่านก็มีเมียเพียบเลย ใครที่บูชาฤาษีตาไฟ หรือเป็นศิษย์ฤาษีตาไฟจึงมักลือชื่อในเรื่องเจ้าชู้หรือมีเมียมาก
    อีกเหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนว่าท้าวกบิลพรหมน่าจะเป็นฤาษี ก็เพราะเศียรของท่าน
เก็บที่เขาไกลลาศ เขาลูกนี้เป็นหนึ่งในเบญจบรรพตที่อยู่กลางป่าหิมพานต์ ป่านี้เป็นที่อาศัยของฤาษีจำนวนมาก จะเรียกว่าเป็นดงของฤาษีเลยก็ว่าได้
 
 
 
    มหาธรรมปาลชาดก
    ลองมาดูในอรรถกถาพระไตรปิฎกกันบ้าง ที่ใกล้เคียงที่สุดมีอยู่ในชาดกชื่อว่า มหาธรรมปาลชาดก แต่เรื่องราวไม่ได้คล้ายกันเลย
    ดูที่มาของชาดกเรื่องนี้กันก่อน
    ในสมัยที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จหนีไปบรรพชาแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะที่คอยขัด
ขวางไม่ให้พระโอรสออกบวชมาตลอดก็เริ่มเชื่อคำทำนายของอสิตดาบสผู้เป็นอาจารย์ กับโกณฑัญญะพราหมณ์ผู้ทำนายพระกุมารแล้วว่าพระโอรสของพระองค์จะไม่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่จะเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น พระองค์จึงคอยสดับข่าวและคอยลุ้นอยู่เสมอว่าตอนนี้พระโอรสของพระองค์เสด็จไปอยู่ที่ไหน และปฏิบัติองค์เช่นไร
    นอกจากข่าวจากพ่อค้าและข้าราชสำนักที่ส่งออกไปสืบข่าวแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะ
ยังได้ข่าวจากพวกเทวดาด้วย คือพวกเทวดานี่ก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยว่าเจ้าชายสิ
ทธัตถะกำลังจะได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจึงเวียนกันไปเฝ้าดูแล้วเอามาพูดกัน
    ครั้งหนึ่ง เจ้าชายสิทธัตถะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาจนร่างกายผ่ายผอม หน้าท้องยุบ
ติดกระดูกสันหลัง ยืนเดินไม่ไหวถึงขั้นล้มหมดสติ พวกเทวดาก็กลับมาคุยกันและทูลให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบว่า คราวนี้เจ้าชายสิทธัตถะคงไม่รอดแน่
    พระเจ้าสุทโธทนะซึ่งตอนนี้เชื่อมั่นในพระโอรสมากว่าอย่างไรเสียพระโอรสต้องตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสไล่พวกเทวดาให้ออกไปไกลๆ ทรงตรัสว่าโอรสเราหากยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าโอรสของเราจะไม่ตาย
    จากนั้นไม่นานเจ้าชายสิทธัตถะก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจริงๆ และหลังออกษาที่สองแล้วพระเจ้าสุทโธทนะก็นิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จนิวัติพระนครมาโปรดพระประยูรญาติ    วันที่สามที่นครกบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะกราบทูลพระพุทธองค์เรื่องเทวดาว่าพระองค์เคยได้ยินเทวดาพูดว่าพระโอรสจะตายแต่พระองค์เชื่อว่าพระโอรสจะไม่ตาย
    พระพุทธเจ้าตรัสว่าพระบิดาทรงเชื่อแบบนี้ไม่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อนๆ ก็ทรงเชื่อ ตรัสแล้วก็ทรงแสดงธรรมปาลชาดก
    ในชาดกบอกว่าในอดีตกาล พระพุทธเจ้าเกิดเป็นบุตร พระเจ้าสุทโธทนะเกิดเป็นบิดา ตระกูลนี้ปฏิบัติกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการอย่างเคร่งครัด คนในตระกูลจึงไม่มีใครเลยที่ตายก่อนวัย คือทุกคนแก่ตายเท่านั้น และทุกคนก็เชื่อมั่นอย่างนั้น
    เมื่อบุตรชายไปเรียนที่ตักกสิลา อาจารย์อยากจะพิสูจน์ว่าคนในตระกูลนี้แก่ตายเท่านั้นหรือ และเชื่อว่าจะไม่มีใครตายก่อนวัยจริงๆ หรือ อาจารย์จึงหากระดูกมาใส่ห่อ แล้วให้ลูกศิษย์ 2-3 คน นำไปให้บิดา บอกว่าบุตรของท่านตายแล้ว บิดาดูกระดูกแล้วก็เฉยๆ ไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ คนพวกนั้นถามว่าท่านไม่เสียใจเลยหรือที่บุตรชายตาย บิดาบอกว่าเราไม่เชื่อ บุตรของเราประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ ไม่มีทางตายก่อนวัย
    แล้วชาดกก็สรุปอานิสงส์การรักษากุศลกรรมบถ ๑๐
 
    สรุปว่า ธรรมปาลชาดกกับตำนานวันสงกรานต์ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
 
 
 
    แถมท้ายด้วยเรื่องการรดน้ำดำหัว
    ไม่รู้ว่าการรดน้ำดำหัวเดี๋ยวนี้ทำกันถูกต้องตามประเพณีโบราณหรือเปล่า สมัยเด็กๆ ผมไม่รู้จักประเพณีนี้ก็ได้แต่สงสัยว่า เป็นเด็กจะไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ได้อย่างไร
    ปี ๒๕๔๐ ผมไปทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ พอถึงวันสงกรานต์ก็จะเตรียมขันน้ำ น้ำอบ และดอกส้มป่อย ไปดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ คนแรกเลยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ มช. ไปรดน้ำดำหัวในฐานะที่เป็น Influencer ในวงการก่อสร้าง และเป็นรุ่นพี่ (รุ่นพ่อ) คณะวิศวะจุฬา
    คณะของเรายกขันเข้าไปแบบงงๆ คิดไว้ว่าก็คงจะรดมืออาจารย์แล้วพรมน้ำให้ท่านหน่อยล่ะมั้ง แต่อาจารย์ท่านรู้ว่าไอ้น้องๆ พวกนี้มาทำเด๋อแน่ จึงรีบเรียกเข้าไปหาพาไปนั่งกันในศาลา บอกว่ามานี่ๆ แล้วก็เล่าประเพณีรดน้ำดำหัวให้ฟัง
    "คนสมัยใหม่มันรดน้ำดำหัวกันไม่เป็น เป็นเด็กมันมาตักน้ำรดผู้ใหญ่ได้ยังไง บางคนแทบจะเอาขันโขกหัวผู้ใหญ่เสียด้วย ยกขันมานี่"
    อาจารย์อธิบายแล้วเรียกให้ยกขันน้ำเข้าไป แล้วก็เอาสองมือจุ่มลงไปในน้ำส้มป่อย แล้วก็ยกมือมาแตะๆ ที่ผมตัวเอง พร้อมกับเอาน้ำส้มป่อนพรมให้พวกเรา
    "ต้องทำแบบนี้นะ ช่วยกันรักษาประเพณีไทย..."
    พูดแล้วก็อวยพรให้พวกเรา
    "ต้องให้ผู้ใหญ่อวยพระให้เรานะ เด็กอย่าไปอวยพรให้ผู้ใหญ่"
 
 
    สวัสดีปีใหม่ไทย
    สวัสดีวันปี๋ใหม่เมือง...
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
................................
ศิริวรรตน์ สุวรรณฉวี
บ.  สยามแท็ปโก้  จก.
มือถือ:  085-6164446,
            090-4699965
line:      oddy.freebird
website: http://saradham.siamtapco.com/
663561-img-1363112955-1.jpg
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages