พุทธพจน์
“...
กาลใดที่บุคคลบริโภคมากเกินย่อมถูกความง่วงครอบงำ
และมักนอนหลับกระสับกระส่ายพลิกกลับไปกลับมา
มีอาการประหนึ่งสุกรอ้วนพีที่ถูกปรนเปรอด้วยข้าวหมู
กาลนั้นเขาย่อมมึนซึมไม่พ้นจากการอยู่ในห้อง
...”
พระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งแคว้นโกศลทรงเป็นพระราชาที่ชมชอบการเสวย
พระองค์เสวยมาก
พระกระยาหารของพระองค์ประกอบด้วยข้าวสุกทะนานหนึ่งเป็นอย่างน้อยกับสูปพยัญชนะมากมาย
ด้วยการที่ทรงเสวยมากพระองค์จึงมีพระวรกายอ้วนพลี ลุกนั่งลำบาก
และมักจะง่วงเหงาหาวนอนเป็นประจำ
เช้าวันหนึ่ง
พระเจ้าปเสนทิโกศลเสวยแล้วก็เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เชตวันมหาวิหาร
พระองค์ทรงอึดอัดไม่สามารถประทับนั่งตัวตรงได้
จึงประทับนั่งหลังพิงฝาและผงกงีบด้วยความง่วง
พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า
"มหาบพิตร
พระองค์เสด็จมานี่คงยังไม่ทันได้พักผ่อนเลยกระมัง"
"พระเจ้าข้า
หม่อมฉันมีทุกข์มากเพราะบริโภค"
ลำดับนั้น
พระศาสดาจึงตรัสกับท้าวเธอว่า
"มหาบพิตร คนบริโภคมากเกินไป
ย่อมมีทุกข์อย่างนี้"
ทรงตรัสพระคาถาว่า
มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส
จ
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโฐ
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ
มนฺโท.
กาลใดบุคคลบริโภคมากเกินย่อมถูกความง่วงครอบงำ
และมักนอนหลับกระสับกระส่ายพลิกกลับไปกลับมา
มีอาการประหนึ่งสุกรอ้วนพีที่ถูกปรนเปรอด้วยข้าวหมู
กาลนั้นเขาย่อมมึนซึม
ไม่พ้นจากการอยู่ในห้อง
ทรงตรัสเตือนสติพระราชาว่า
"คนผู้มีสติรู้จักประมาณในโภชนะ ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บน้อย แก่ช้า
และอายุยืน"
พระพุทธองค์ทรงสอนพระคาถานี้แก่อุตตรมาณพ
ทรงแนะอุบายให้เขากล่าวคาถานี้เวลาที่พระราชาเสวย
หลังจากนั้นเป็นต้นมาเวลาที่พระเจ้าปเสนทิโกศลจะเสวยอุตตรมาณพก็กล่าวคาถานี้
ทำให้พระองค์ทรงมีสติ ยับยั้งการเสวยด้วยข้าวสุกอย่างมากเพียงแค่ทะนานเดียว
ไม่นานนักพระองค์ก็มีพระวรกายเบาขึ้น กระปรี้กระเปร่า
ไม่มีทุกข์จากการเสวยอีก
................................
ศิริวรรตน์
สุวรรณฉวี
บ. สยามแท็ปโก้ จก.
มือถือ
082-6246962,
085-6164446