อานิสงส์การทำบุญด้วยทองคำ (ร่วมโมทนาบุญในการถวายทองคำไว้ในพระพุทธศาสนา)

4,202 views
Skip to first unread message

Tharakorn

unread,
Sep 26, 2011, 5:18:30 AM9/26/11
to Kantharatara 2, Kantharatara
 กราบขออภัยอย่างยิ่งหากจดหมายฉบับนี้เป็นการรบกวนท่านผู้ได้รับ
ท่านสามารถปฏิเสธการรับข่าวสารธรรมะต่าง ๆ ได้
โดย Reply กลับไปว่า (ต้องการปฏิเสธการรับข่าวสาร) จะดำเนินให้ด้วยความยินดีครับ
ส่วนท่านที่ประสงค์จะรับข่าวสารทางธรรมก็ขอรับได้ โดย Reply กลับไปว่า (ต้องการรับข่าวสาร)
หากเห็นว่าบทความทางธรรมนี้ หรืองานบุญนี้จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลที่ท่านรักและปรารถนาดี
ก็โปรดได้เผยแผ่สืบไป เพื่อประโยชน์แก่ตน แก่โลก แก่พระพุทธศาสนาสืบไป
*******************************************************************************
 
อานิสงส์การทำบุญด้วยทองคำ (ร่วมโมทนาบุญในการถวายทองคำไว้ในพระพุทธศาสนา)
 
อานิสงส์ปิดทองคำเปลวพระพุทธรูป
 
นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความ
เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุง
ปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้า
กันเลย
 
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราช
ทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้ว
อันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามาก
เหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธ
รัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำ
ด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งใ ห้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำ
ไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป
 
พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...
 
"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ
ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้า
ปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความ
เลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมาน
พระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"
 
อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อ
ส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระ
พุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการป ระหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้น
เหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดา
ทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ
 
เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้
ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนา
รับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลง
ไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ
 
แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช
พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่ง
อาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการ
พร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น
ทรงโสมนัสยินดียิ่งนัก ได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา
ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก
 
ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค
แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป
 
ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูก
อำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของ
ภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไป
ซื้อทองปิดพระพุทธรูป
 
เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสัก
กเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้น
สามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตรา
วุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้ อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้า
พระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์
"ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาว
เมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้ว
พระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร
--------------------------------------------------
 
อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำเปลว ของท่านเมณฑกเศรษฐี
 
ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจ
มาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้า
ไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ
ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็น
อย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วม
เสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน
ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่น
ก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายาย
ย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจาก
นั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้น
มาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย
เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้
ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็
เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ
 
----------------------------------------------------------------------
 
อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำเปลว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
 
วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่าน
ตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธ
สมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหน
ครับ "โรงอิฐ"
 
ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่า
หนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงาน
แล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป
 
ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้ว
ก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้
ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย
 
อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น
คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อ
เหมือนกัน
 
"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี
 
หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่
ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"
 
ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความ
ร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิด
ของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวง
พ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์
 
(คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)
----------------------------------------------------------------------
 
อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำ
 
๑. เมื่อเกิดไปในภพใดชาติใด สมบัติใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมีในยุคนั้นเราจะเป็นผู้ครอบ
ครองสมบัตินั้น เพราะได้ทำบุญด้วยทองคำซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นธาตุที่เลิศที่สุด
๒. สามารถเข้าถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐี ที่ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์สมบัติอันมากมาย เพราะได้
บริจาคทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา และเนื้อนาบุญอันเลิศ
๓. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติอันงดงาม ตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย เพราะทำบุญด้วยทองคำ ซึ่งเป็นธาตุที่
งามอยู่ในตัวเองตั้งแต่เริ่ม และมีความงามเป็นอมตะ ไม่หมองคล้ำ ผุกร่อน แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็น
พัน ๆ ปี
๔. เกิดในตระกูลสูง เข้าถึงฐานะอันสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือเกรงใจของเหล่ามนุษย์และเทวา เพราะ
ขึ้นชื่อว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุด
๕. เป็นผู้มีบุตร บริวาร ให้ความเคารพกตัญญู อยู่ในโอวาท เพราะได้ทำทานด้วยความเคารพ ความ
กตัญญูที่มีต่อ มหาปูชนียาจารย์
๖. เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เพราะได้ทำทานที่ประกอบไปด้วยปัญญา บูชาผู้ที่ปัญญาถึงพร้อมด้วยวิชชา และ
จรณะ
๗. ขึ้นชื่อว่าสายบุญเชื่อมกับมหาปูชนียาจารย์ และธรรมใดที่ท่านบรรลุ ก็จะสามารถบรรลุตามอย่างท่าน
ได้โดยง่าย สามารถเข้าถึงนิพพานและที่สุดแห่งธรรมได้โดยง่าย
๘. เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เกิดในปฎิรูปเทส ในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่อง เพราะได้สร้างเหตุแห่ง
ความเจริญไว้ในพระพุทธศาสนา
๙. หลังจากละโลกแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติอันเป็นเลิศ ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรญเสริญ สุข ในทิพย
วิมาน ฯลฯ
 
ที่มาจากหนังสือ: คำน้อย ยอดคนกตัญญู หัวใจทองคำ
**************************************************************************************************************
หลายครั้งที่งานหล่อพระที่ทุกท่านร่วมบุญมาแล้วเงินไม่พอซื้อทองคำ
ผมได้นำเงินส่วนหนึ่งที่ทุกท่านได้ร่วมบุญไปซื้อทองเปลวครั้งละ 100 แผ่น เป็นเงิน 400 บาท
เพื่อให้ทุกท่านได้มีส่วนในบุญ ในมหาอานิสงส์ เพื่อผลใหญ่ในอนาคต
แม้ท่านจะไม่ถึงพระนิพพานในชาตินี้ ถ้าต้องมาเกิดเป็ฯมนุษย์ก็ย่อมได้รับอานิสงส์ผลบุญนี้เป็นแน่นอน
 
 
ตลอดถึงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ไปถวายยังวัดต่าง ๆ ที่เดินทางไปร่วมบุญ
ก็ได้ถวายทองคำเปลวปิดเจดีย์เพื่อรองรับพระบรมสารีริกธาตุด้วยเช่นกัน
 
 
ขอโมทนาในกุศลทั้งมวลมายังทุกท่านครับ
สาธุ สาธุ สาธุ สัทธา ปริสุทธิ ทานัง โมทามิ
 
คำอธิษฐาน
พุทโธอัปปมาโณ ธัมโมอัปปมาโณ สังโฆอัปปมาโณ
สัมมาอะระหัง พุทโธ ภะคะวา มะหัปผะลา โหติ มะหานิสังสา นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ เต
ขอผลบุญนี้ จงยังความสำเร็จ มหาสำเร็จ ในสรรพสิ่งมงคล มหามงคลที่ข้าพเจ้าปรารถนาไว้ดีแล้ว
ขอให้ข้าพเจ้ามีความคล่องตัวทุกอย่างทั้งทางโลก ทางธรรม ทางบุญ ทางกุศล
ขอจงเป็นผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ จงเป็นปัจจัยให้สิ้นอาสวะ
เป็นผลสำเร็จแก่ข้าพเจ้าเพื่อ มรรค ผล ตราบถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
พระพุทธเจ้า ทรงพระคุณไม่มีประมาณ  พระธรรมเจ้า ทรงพระคุณไม่มีประมาณ พระสังฆเจ้า ทรงพระคุณไม่มีประมาณ
โปรดบันดาลให้คำอธิฐานทั้งปวงของข้าพเจ้านี้ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ เป็นอัศจรรย์ทุกประการเทอญ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ สาสะนัง

ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาพระศาสนาอยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ ราชาโน
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาพระราชาทั้งหลายอยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ คะรุอุปัชฌายะอาจะริเย
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ อยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ มาตาปิตะโร
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษามารดาบิดา อยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ ญาตะโย
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาญาติทั้งหลาย อยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ ธัมมะราชาโน
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาพระธรรมราชาทั้งหลายอยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ โลกะปาลา
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาท้าวโลกบาลทั้งหลาย อยู่ชั่วกาลนาน ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ  โนสะทา
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาข้าพเจ้าทั้งหลาย อยู่ชั่วกาลนานทุกเมื่อ ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ  โลกัง สัพพะทา
ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาโลก อยู่ชั่วกาลนานทุกเมื่อ ฯ

 

อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ
จิรัง รักขันตุ  โสตถิง คัจฉันตุ เทวะตา

ข้าแต่ภุมมเทวดา แล อากาศเทวดาทั้งหลาย เทวดาและนาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก
ซึ่งสถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่ในภาคพื้นก็ดี

จงอนุโมทนาบุญของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงรักษาชั่วกาลนาน ขอเทวดาทั้งหลายจงถึงความสวัสดี ฯ

 
 
 
นายกันต์ธรธารา(กร)  ตรีเนตรสุวรรณ
ชมรมพุทธศาสตร์
บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทยจำกัด
ส่วนวิศวกรรมและโครงการ
33/1 ม. 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค
จ.สระบุรี 18230
 
มือถือ 089-141-7589
โทร.036-382-888 ต่อ 349
โทรสาร. 036-382905
E-mail (1) : thar...@scg.co.th
E-mail (2) : thar...@yahoo.com
E-mail (3) : kantha...@hotmail.com
100_2806.JPG
Slide2.JPG
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages