๏ฟฝหต๏ฟฝหน๏ฟฝ่งท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝุท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝลง

11 views
Skip to first unread message

oddy.freebird

unread,
Jul 1, 2013, 9:04:51 PM7/1/13
to � ����� �
พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร อารามที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้สร้างถวาย พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับภิกษุว่า
 
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ตะโพนอานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะ เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ เขาจักไม่ปรารถนาฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อรู้ และไม่สำคัญธรรมเหล่านั้นว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์ภายหลังรจนาไว้ ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร เป็นเพียงสาวกภาษิต แต่เขาจักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักตั้งจิตเพื่อรู้ และสำคัญว่าธรรมเหล่านั้นควรเรียนควรศึกษา
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    พระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม ก็จักอันตรธานไปเหมือนตะโพนอานกะฉันนั้นเหมือนกัน
    เพราะเหตุดังนี้ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักตั้งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่าควรเรียน ควรศึกษา
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
    (อาณิสูตร)
 
ประวัติของกลอง อานกะ
    ในป่าหิมวันต์มีสระใหญ่แห่งหนึ่งเป็นสระที่อาศัยของปูตัวใหญ่ ปูนี้ตัวใหญ่ขนาดสามารถกินช้างได้ทั้งตัว ทำให้พวกช้างได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่สามารถลงไปอาบและดื่มน้ำในสระได้ ต่อมานางช้างนางหนึ่งตกลูกเป็นช้างมเหศักดิ์ บรรดาช้างอื่นพากันสักการะลูกช้างเพราะหวังว่าจะได้ช่วยปราบปูยักษ์ จนเมื่อลูกช้างโตขึ้น โขลงช้างนั้นจึงพากันไปที่สระน้ำเพื่อปราบปู
    ลูกช้างเดินลงไปในสระ แล้วถูกปูยักษ์ใช้ก้ามยักษ์หนีบไว้จนกระดิกไปไหนไม่ได้ ส่งเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
    แม่ช้างจึงใช้อุบายพูดจาอ่อนหวานกับปูยักษ์ว่า
    แม่ปูยักษ์จ๋า บรรดาปูทั้งหลายในทะเล ในแม่น้ำคงคา และแม่น้ำยมุนา ทั้งหมดนั้น แม่ปูเป็นสัตว์น้ำที่ประเสริฐที่สุด ขอท่านจงปล่อยลูกของเราไปเถิด
    ปูยักษ์ได้ฟังเสียงออดอ้อนอ่อนหวานดังนั้นก็ใจอ่อน จึงคลายก้ามปล่อยลูกช้าง ลูกช้างพอหลุดออกมาได้ก็ยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบลงบนหลังปูยักษ์จนกระดองแตก แล้วเอางาแทงยกขึ้นทิ้งไปบนบก ช้างอื่นๆ ก็พากันมารุมล้อมช่วยกันเหยียบย่ำบนร่างปูยักษ์จนถึงแก่ความตาย
    ร่างปูยักษ์ที่ตายแล้วถูกทิ้งไว้ตรงนั้น เนื้อในเหี่ยวแห้ง เหลือแค่เศษกระดองและก้ามปูใหญ่ที่ถูกแดดถูกลมเผาจนสุกสีเหมือนน้ำครั่งเคี่ยว เมื่อฝนตก ก้ามปูนั้นก็ถูกกระแสน้ำพัดลอยไปติดข่ายที่พระราชาสิบพี่น้องขึงไว้ที่เหนือน้ำเพื่อเล่นน้ำกัน เมื่อเล่นน้ำแล้วพระราชาเหล่านั้นก็ยกข่ายขึ้นจึงเห็นก้ามปูยักษ์นั้น พระราชาจึงรับสั่งให้นำก้ามปูยักษ์ไปหุ้มแล้วทำเป็นกลอง (หรือตะโพน) กลองนั้นเป็นกลองเสียงดีมาก ตีครั้งหนึ่งได้ยินเสียงไปไกลถึง ๑๒ โยชน์ จึงใช้ประโยชน์ใช้ตีในคราวที่ต้องการเรียกประชาชนมาชุมนุม จึงเรียกชื่อกลองนี้ว่า อานกะ
 

 
................................
ศิริวรรตน์ สุวรรณฉวี
บ.  สยามแท็ปโก้  จก.
มือถือ 082-6246962,
          085-6164446
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages