Ngan Roi Kaeo Ubai : ☺ [01]

7 views
Skip to first unread message

สรรพาลังการ Thai ศัพท์

unread,
Nov 30, 2025, 6:34:17 AMNov 30
to reg...@googlegroups.com, wa...@googlegroups.com
blank
Vijja Bhagi
Sarata Ngan Roi Kaeo Ubai
 
ในเรื่องของการ ที่เพ่ง หรือมุ่งที่จะสร้าง แต่คำ ที่มีความหมายเท่าเดิม, ยกมาคิด พิจารณาเรื่อง ศีล, พิจารณาว่า พุทธจักรสายอื่น ท่านคงจะว่า สีโล! คือ ส่วน แต่นั้น เรามิใช่ กล่าวเช่นนั้น เลย กับการ ที่ พุทธจักรสายสุวรรณภูมิ เรากระทำการ มาอย่างเต็มรูปแบบ สายสุวรรณภูมิเรา ยังคงเลี้ยงบท หรือกินความหมายเดิม เรื่อยมา คือ ใช้ แกนเรื่อง สีโย! เป็น สุญโญ หรือเป็นศูนย์, แล้วทีนี้ หากพิจารณเรื่อง ศูนย์ หรือ ศีล หรือ สีโล! อย่างจะเอามาเทียบ ต้นธรรม ต้นบัญญัติ แล้ว ใคร่แต่จะไม่อยากเถียงด้วย ที่ว่า พระสงฆ์ สยามวงศ์เรา มิใช่แกนนำ ยังมิใช่กลุ่มนำ จะกล่าวอย่างเทียบเคียงประเทศสยาม หรือพระสยามวงศ์ ต่อไปทำไม?, แต่นั้น มิได้ตระหนัก ว่า นั่นเป็นการทำ หรือคล้อยไปเพราะศีลพรต และข้อวัตร ของสายอื่น มิใช่สายสุวรรณภูมิ แต่ยกขึ้นเป็นปัญหา หรือประเด็นแสวงหาปัญญา จากนั้น ซึ่งเมื่อถือปัญหาการสื่อ ว่าเป็นประเด็น ฉะนั้น คือกล่าวประพฤติ โดยความเป็นส่วน ต้องกล่าวศีล

แต่ นี้ ประพฤติ หรือเรื่องศีล, ที่จริง เราน่าที่จะพิจารณา ว่า เรามุ่งความหมายเท่าเดิม คือเราเป็นสายประพฤติปฏิบัติดี ด้วยความคงหลักเดิม ดังนั้น ก็ไม่น่าเลี่ยง หรือเกี่ยง ที่จะกล่าวปัญหาศูนย์ ว่าพึงเป็นเรื่อง สีโย! ตามความจริงของธรรมปฏิบัติ และความมิได้เสื่อมคลายจากหลักเดิม, เช่นนี้ แล้ว หากจะเทียบ บัญญัติธรรม หรือคำกล่าวแรกที่มนุษย์กล่าว พุทธจักร พุทธเขต พุทธอาณา สายสุวรรณภูมิ เราก็จะต้อง เทียบ บัญญัติธรรม บัญญัติแรก ที่ได้ประกาศ ในโลกมนุษย์ เทียบกับ สีโย! ไม่ต้องเทียบ สีโล! ซึ่งพึงต้องยกเป้นปัญหาการเทียบ ของพุทธจักรสายอื่น ที่เขา จะต้อง ว่า เรื่อง สีโล! เป็นเรื่อง ของ ศูนย์, นี้เป็นเรื่อง ระบบเทียบเคียง โคลงสร้าง หรือเรื่องของบทตั้ง 

แล้ว เมื่อ เราไม่เขว ในเรื่อง ศีล แล้ว เราก็มีการกระทำภารกิจ หน้าที่ ธุระการงานประดามี ไปตามธรรมดา, โดยที่ ก็จะต้อง พิจารณา ถึง สาระตั้งต้น หรือมนูธรรมศาสตร์ ต่าง ๆ  ไปตามบทต้น คือทำอย่างเก่า นั่นเอง ที่ต้องเทียบ หรือเทียมกัน กับ บัญญัติธรรม กำหนด แรก ที่ประกาศ ในมนุษยพิภพว่า มนุษย์กำเนิดในโลกแล้ว ประกาศ! บัญญัติธรรม บัญญัติแรกว่า อุแว้! เป็น ธรรม เป็นศีลมหาสมัย ประกาศธรรมบัญญัติแรก เป็นสีโย, นี้เป็นเรื่อง การเน้นธรรมสุญญตา เกี่ยวกับการประกาศธรรม ประกาศความบริสุทธิ์แห่งภาษา หรือประกาศความบริสุทธิ์ในทางภาษา, ซึ่ง ทุก ๆ ภาษา จะต้องประสบ อุปสรรคปัญหา หรือความวิบัติ ของภาษา ทุกภาษา ก็คือ ต้องพบปัญหา เรื่อง ศัพท์ แสลง หรือสแลง ในการที่จะตั้งศีล! แล้ว ต้องให้ตั้งขึ้นไม่ได้, และจะใช้ปัญญาเทียบเคียงของสายอื่นมาทำก็ไม่ได้ เพราะสายอื่นเขาไม่ได้มีภาระ ที่จะต้องตั้งสถาปนาในทุกสิ่งสารพัด เหมือนเรา จึงมิต้องประพฤติรูปแบบ
 
blank
 
khan? phra chit

Phra Bhumipalo

unread,
Dec 4, 2025, 3:55:22 AM (12 days ago) Dec 4
to Blogger
ตอบคำถาม และความเห็น เรื่อง หิริ และโอตตัปปะ

“สมุฏฐาน หรือสัจธรรม โดยธรรมชาติ, ก็คือ เรื่อง การ เสพตลอด, ลักตลอด, ฆ่าตลอด, และอวดตลอด, ดังนั้น การที่จะให้ได้คืบหน้าไปในการปฏิบัติ ก็ต้องหน่วง หรือถ่วงไม่ให้ทำอย่างนั้น หรือ ทำอย่างที่จะได้มีความเป็นเอกเทศจากกัน,  จากการ ที่ เสพตลอด, ลักตลอด, ฆ่าตลอด, และอวดตลอด, ดังนี้ ก็ต้องใช้ งาน เรื่อง ตามกระบวนที่เรียกว่า หิริ และโอตตัปปะ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ก็จะมิได้ทำความคืบหน้า ไปในปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เป็นประพฤติ หรือวัตรพรต, เพราะการที่ ต้องกำหนดถึงความเป็นอยู่โดยชอบ จะต้องมี หิริ และโอตตัปปะ ประกอบ, ผิดจาก ความ ที่จะทำแต่การพ้นไปโดยชอบ ฉะนั้น ก็จึงไม่ต้องมี หิริ โอตตัปปะ ก็ได้, เพราะ แค่เพียง ผูกยึดตนเองไว้ กับความหุนหันพลันแล่น ในการ ที่จะทำดี ก็วิสาสะ ในการ จะมา จะไป เอง ได้แล้ว ไม่ต้องสนใจขนบ

ดังนั้น คนที่ มี หิริ มีโอตตัปปะ จึงมักถูกหาว่า บ้าขนบ หรือครึ ยึดติด จริยา ธรรมเนียม แบบแผนอะไร? ต่อมิอะไร? คนมี หิริ โอตตัปปะ ย่อมเอาหมด, เพราะ ไม่ต้องการที่จะผูกติดตนเอง กับความอัตโนมัติ หรือพลันแล่นอะไร? แบบนั้น, คือ มีประพฤติ ที่จะปฏิบัติการ ไป ต่าง ๆ ฉะนั้น อย่างมีธรรมเนียม, แต่ส่วนหนึ่ง ก็จะไปว่า ไม่ได้ เพราะคนที่ต้องการความเฉียบพลัน หรือ ฉับพลัน ของการปฏิบัติ ก็ย่อมจะว่าไม่ได้ และก็จะว่าเขาชั่วไม่ได้ ถ้าเขา จะไม่ประพฤติอย่างมีหิริโอตตัปปะ, เพราะบางคนวางแนว ฝึก ผ่านกระบวนการฝ่ายจิต และเพราะบางคน วางแนวการฝึกผ่านกระบวนการฝ่ายวัตถุ จึงบริหาร สรีระ แห่งคลองมโนทวาร ที่เป็นไปโดยอัตโนมัติต่างกัน

แต่เรื่อง ที่ มี หิริ หรือโอตตัปปะ เป็นอัตโนมัติ นี้ น่าสนใจ, คือ คนเช่นนั้น เท่านั้น ย่อมเข้าส่วน กับความพัฒนาวัตถุ ให้ได้ดี ได้ด้วย เพราะ ยังมีความเหนียม มีความระวัง และมีความหวังในธรรมเนียม, ไม่โพล่งเข้าเรื่อง ที่เป็นฉับพลันในทางฝ่ายจิต แล้ว จึงน่าที่จะได้งาน ฝ่ายพัฒนาวัตถุ ได้ หรือพึงได้รับการฝึกผ่านกระบวนการฝ่ายวัตถุได้, ดังนั้น เมื่อ มีท่าน ที่ยกเรื่อง หิริ โอตตัปปะ มา พูด แล้วน่าที่จะกล่าวอย่างนี้, ซึ่งที่ไหน? จะว่า การฝึก อย่างต้อง มีการกลัว หรือมีการอาย ฉะนั้น เป็นการงานขั้นต่ำ ที่จริงไม่จริง, แต่ที่จริง ฝ่ายมีหิริ โอตตัปปะ ก็มีความเสมอ กับการฝึกแบบ จิตฉับพลัน หรือมุ่งจิตอัตโนมัติ ที่ไม่ต้องมีความอาย และความกลัว หรือไม่มีธรรมเนียม เหมือนกัน

แต่ นั้น ผู้ฝึก ต้องทราบ หรือตระหนักก่อนว่า เรื่อง จิต กับ เรื่องวัตถุ มีค่าเท่ากัน และสรรพสิ่ง กับสรรพชีวิต คือสรรพสัตว์ ก็มีค่าเท่ากัน คือ มีค่า ต่อความเป็นอยู่โดยชอบ หรือ พ้นโดยชอบเท่ากัน แต่ทว่า การ วางแนวการฝึกผ่านกระบวนการฝ่ายวัตถุ จำต้องกำหนดถึงความเป็นอยู่โดยชอบ คือ ต้องมีจิตจริยา มีขนบ มีธรรมเนียม คือ ต้องมีหิริ มีโอตตัปปะ เพื่อที่จะพัฒนา สัญญา และความติดต่อของสัญญาฝ่ายวัตถุ แต่ ย่อมมิใช่ว่า ผู้ฝึกผ่านวัตถุ หรือฝ่ายวัตถุ เป็นฝ่ายชั่ว หรือเป็นฝ่ายที่ต้องโทษแห่งอันติมวัตถุ, ที่ไม่เหมือนการฝึกจิตแบบฉับพลัน ที่ไม่ต้อง ต้องโทษแห่งอันติมวัตถุ เพราะการฝึก ฝ่ายกระบวนจิตฉับพลัน กำหนดแต่ความพ้นได้โดยชอบ ของจิต เท่านั้น, ดังนั้น ผู้ฝึกตน ผ่านกระบวนการฝ่ายจิตเท่านั้น จึงมักจะหาว่า ความกลัว หรือความอาย ไม่มีความจำเป็นอะไร ที่จะต้องใช้”

Blogger

unread,
Dec 4, 2025, 6:18:10 AM (12 days ago) Dec 4
to Blogger
ตัดคำเกิน ย่อ หน้า ที่ ๔

“ สมุฏฐาน หรือสัจธรรม โดยธรรมชาติ, ก็คือ เรื่อง การ เสพตลอด, ลักตลอด, ฆ่าตลอด, และอวดตลอด, ดังนั้น การที่จะให้ได้คืบหน้าไปในการปฏิบัติ ก็ต้องหน่วง หรือถ่วงไม่ให้ทำอย่างนั้น หรือ ทำอย่างที่จะได้มีความเป็นเอกเทศจากกัน,  จากการ ที่ เสพตลอด, ลักตลอด, ฆ่าตลอด, และอวดตลอด, ดังนี้ ก็ต้องใช้ งาน เรื่อง ตามกระบวนที่เรียกว่า หิริ และโอตตัปปะ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ก็จะมิได้ทำความคืบหน้า ไปในปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เป็นประพฤติ หรือวัตรพรต, เพราะการที่ ต้องกำหนดถึงความเป็นอยู่โดยชอบ จะต้องมี หิริ และโอตตัปปะ ประกอบ, ผิดจาก ความ ที่จะทำแต่การพ้นไปโดยชอบ ฉะนั้น ก็จึงไม่ต้องมี หิริ โอตตัปปะ ก็ได้, เพราะ แค่เพียง ผูกยึดตนเองไว้ กับความหุนหันพลันแล่น ในการ ที่จะทำดี ก็วิสาสะ ในการ จะมา จะไป เอง ได้แล้ว ไม่ต้องสนใจขนบ


 ดังนั้น คนที่ มี หิริ มีโอตตัปปะ จึงมักถูกหาว่า บ้าขนบ หรือครึ ยึดติด จริยา ธรรมเนียม แบบแผนอะไร? ต่อมิอะไร? คนมี หิริ โอตตัปปะ ย่อมเอาหมด, เพราะ ไม่ต้องการที่จะผูกติดตนเอง กับความอัตโนมัติ หรือพลันแล่นอะไร? แบบนั้น, คือ มีประพฤติ ที่จะปฏิบัติการ ไป ต่าง ๆ ฉะนั้น อย่างมีธรรมเนียม, แต่ส่วนหนึ่ง ก็จะไปว่า ไม่ได้ เพราะคนที่ต้องการความเฉียบพลัน หรือ ฉับพลัน ของการปฏิบัติ ก็ย่อมจะว่าไม่ได้ และก็จะว่าเขาชั่วไม่ได้ ถ้าเขา จะไม่ประพฤติอย่างมีหิริโอตตัปปะ, เพราะบางคนวางแนว ฝึก ผ่านกระบวนการฝ่ายจิต และเพราะบางคน วางแนวการฝึกผ่านกระบวนการฝ่ายวัตถุ จึงบริหาร สรีระ แห่งคลองมโนทวาร ที่เป็นไปโดยอัตโนมัติต่างกัน

 แต่เรื่อง ที่ มี หิริ หรือโอตตัปปะ เป็นอัตโนมัติ นี้ น่าสนใจ, คือ คนเช่นนั้น เท่านั้น ย่อมเข้าส่วน กับความพัฒนาวัตถุ ให้ได้ดี ได้ด้วย เพราะ ยังมีความเหนียม มีความระวัง และมีความหวังในธรรมเนียม, ไม่โพล่งเข้าเรื่อง ที่เป็นฉับพลันในทางฝ่ายจิต แล้ว จึงน่าที่จะได้งาน ฝ่ายพัฒนาวัตถุ ได้ หรือพึงได้รับการฝึกผ่านกระบวนการฝ่ายวัตถุได้, ดังนั้น เมื่อ มีท่าน ที่ยกเรื่อง หิริ โอตตัปปะ มา พูด แล้วน่าที่จะกล่าวอย่างนี้, ซึ่งที่ไหน? จะว่า การฝึก อย่างต้อง มีการกลัว หรือมีการอาย ฉะนั้น เป็นการงานขั้นต่ำ ที่จริงไม่จริง, แต่ที่จริง ฝ่ายมีหิริ โอตตัปปะ ก็มีความเสมอ กับการฝึกแบบ จิตฉับพลัน หรือมุ่งจิตอัตโนมัติ ที่ไม่ต้องมีความอาย และความกลัว หรือไม่มีธรรมเนียม เหมือนกัน

 แต่ นั้น ผู้ฝึก ต้องทราบ หรือตระหนักก่อนว่า เรื่อง จิต กับ เรื่องวัตถุ มีค่าเท่ากัน และสรรพสิ่ง กับสรรพชีวิต คือสรรพสัตว์ ก็มีค่าเท่ากัน คือ มีค่า ต่อความเป็นอยู่โดยชอบ หรือ พ้นโดยชอบเท่ากัน แต่ทว่า การ วางแนวการฝึกผ่านกระบวนการฝ่ายวัตถุ จำต้องกำหนดถึงความเป็นอยู่โดยชอบ คือ ต้องมีจิตจริยา มีขนบ มีธรรมเนียม คือ ต้องมีหิริ มีโอตตัปปะ เพื่อที่จะพัฒนา สัญญา และความติดต่อของสัญญาฝ่ายวัตถุ แต่ ย่อมมิใช่ว่า ผู้ฝึกผ่านวัตถุ หรือฝ่ายวัตถุ เป็นฝ่ายชั่ว หรือเป็นฝ่ายที่ต้องโทษแห่งอันติมวัตถุ, ที่ไม่เหมือนการฝึกจิตแบบฉับพลัน ที่ไม่ต้อง ต้องโทษแห่งอันติมวัตถุ เพราะการฝึก ฝ่ายกระบวนจิตฉับพลัน กำหนดแต่ความพ้นได้โดยชอบ ของจิต เท่านั้น, ดังนั้น ผู้ฝึกตน ผ่านกระบวนการฝ่ายจิตนั้น จึงมักจะหาว่า ความกลัว หรือความอาย ไม่มีความจำเป็นอะไร ที่จะต้องใช้

Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages