“ถ้าเป็น สัจ อย่าง วิชชาภาคี แห่ง ‘ชื่อ บัญญัติ และภาษา’ จากส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก ก็จะต้องแสดงสมมติสัจออกมา ได้แน่, เพราะ สิ่งที่เรียกว่า ปุจฉา-วิสัชนา หรือการถามตอบ ย่อมมีสิ่ง ที่เรียกว่า ‘ถามะ คือ ถามกำลัง’ อยู่เป็นฐาน, ฉะนั้น ถาม-ตอบ เพื่อที่จะเอาความ จากพระธรรม คือพระไตรปิฎก ก็ย่อม ที่จะให้ได้สัจ แห่งบัญญัติ หรือภาษาเช่นนั้นได้, เพราะความมีกำลัง คือมีธรรมเป็นสภาพ, ดังนั้น ความมีส่วน หรือมีปัจจัย แก่สภาพธรรม เช่นนั้น ถ้าจะเนื่อง แต่การจะนำสมมติสัจ ยกมาแล้ว, โดยประการแรก ย่อมที่จะเป็นฐาน หรือสมุฏฐาน ซึ่งประการเหล่านี้, คือความโดยมาก เมื่อปรากฏ แต่เพื่อ การที่จะ ให้ปรารภธรรม ปรารภคติ หรือให้ปรารภเหตุ, หรือ อ้างเหตุ ที่จะให้ทำความสมบูรณ์บริบูรณ์ ซึ่ง ‘ชื่อ บัญญัติ และภาษา’ นั้น ๆ ในอย่างที่เป็นประชาคม หรือในอย่างที่ ไม่เป็นการส่วนตัว
เรื่องที่ ยกมา คือ สัจ แห่ง วิชชาภาคี ซึ่งว่า ‘ชื่อ บัญญัติ และภาษา’ ฉะนั้น ย่อมที่ จะไม่พ้นไปกว่า เรื่อง บาลีอักษรอะไร?๑, ฉบับอะไร? ๑, เล่มอะไร? ๑, ข้ออะไร? ๑, หน้าอะไร? ๑, อักขระรวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑, อักขระไม่รวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑, ที่ซึ่ง ให้ย่อมเป็นอาทิธรรม อาทิกรรม แก่สมมติสัจ อยู่ดังนี้ อยู่อย่างโดยแน่แท้, แลทีนี้ ศาสนาไทยเรา หรือพุทธศาสนาสุวรรณภูมิ ย่อมที่จะมีเปรียบเขา เพราะ ฐานกำลังที่เรียกว่า อักษรอะไร? ฉะนั้น ชาติเรา มีมาก วง มีมากเหล่า มีมากบาญ แผนก, ซึ่งว่าถ้านับแต่เราเผ่าไทย เอง ด้วยอันซึ่งย่อมนำพา บาลีอักษร อยู่ตั้ง ๓ แผนกนี้แล้ว มากเป็นพื้น, คือว่า เราเผ่าไทย หรือหลักธงชัย แห่งชาติสุวรรณภูมิ เรานี้ ได้มี แผนก บาลีอักษรเขมร บาลีอักษรไทย และบาลีอักษรอริยกะ อยู่เป็นพื้น ด้วยดีทั้งหมด แล้ว นั่นเอง, จึงสามารถที่จะแสดงความวิตถาร และพิสดารเองได้
แล้วจึงสอนเอา แล้วจึงชักเอา นำพา ความพิสดารวิตถารมาได้หมด, มิได้ช้า หรือยากเย็น เหมือนชาติ ทวีป ประเทศอื่น ซึ่งอย่างเก่ง เขาก็ใช้ได้แค่ ความแห่งอักขรโรมันเท่านั้น ที่ให้ไว้สืบความพิสดารต่อ, แล้วนี้ เมื่อได้จ่อคำถาม มาอย่างนี้แล้ว เพื่อเปิดกว้าง หรือเพื่อความอะลุ้มอล่วย อย่างสูงสุด หรืออย่างสุดขีด, กระทำมา สุดขีด! ดั่งกะนัยแห่งโวหารธรรม ที่กำหนดรู้ ให้บอกว่า ‘เกิด-ดับ ครั้ง หนึ่ง คือ ขณะ แห่ง ภัทรขณะ’ ด้วยหมายความ โดยที่สุดความเมตตาปราณี เลยทีเดียว เกิด-ดับ ครั้งหนึ่ง จึงเท่ากับ ความเป็นอยู่ตลอดกัป ของพระสัมพุทธเจ้า ในภัทรกัป, แล้วนี้ หรือนั้น คนก็เลยอาจที่จะบอกว่า กว้างไป จรดแล้ว จึงไม่รู้จะต้องสำทับข้อไหน หรือจำพึง ต้องกำหนดทัพสัมภาระ ไปอย่างไร?, ในเมื่อมีความต้องการที่จะกล่าวอย่างสมัยใหม่ หรืออยากที่จะแสดงอย่างที่ไม่ต้องมีสัจ หรือกระทำสัจ
เมื่อ สืบความ แด่ เรื่อง ‘สมบัติธรรม ธงธรรม และกองทัพธรรม’, อันจำกัด หรือกำหนด ไปแต่ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส หมดแล้ว ท่านเหล่านั้น ก็เลยกลับมาอธิบายความเหล่านี้ไม่ถูก หรือไม่ค่อยถูก และทั้ง ปัจจัยทางเทคนิค หรือปัจจัย ในทางอุปกรณ์ ก็อาจที่จะล่วงเลยกันไป หรือเลื่อยล้าอยู่ หรืออยู่แต่กับแท็บงาน ที่มา ที่ไป ไม่ถึงกัน, ให้เล็งตรง ต่อการจะตอบความาถึงกัน อาจทำไม่ได้ ดังนี้ ผู้ที่มาก่อน เพียงน้อยหนึ่ง หรือส่วนหนึ่ง จึงต้องทำไปแค่เพียงเท่านี้ เท่านั้น, ในการที่จะพึงประกอบความ แด่ทิฐิ และคติ ที่ดี และที่มี ให้ได้สืบสนธิกำลังตั้งตรงได้ต่อไป ในทางที่จะทำให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ในทางใช้บัญญัติ หรือการใช้บัญญัติ ยกมา เพื่อ ที่จะแสดงว่า การเกิด-ดับ ไม่ว่า จะหน้าอะไร? ข้ออะไร? เล่มอะไร?, ก็ย่อมเป็นแต่เพียง เกิดดับขณะเดียว ขณะหนึ่ง คือภัทรขณะ หรือภัทรกัป เท่านั้นแหละ”
Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Samvuddho