กองทุนต่างชาติขายหุ้นBTSทำกำไรhttp://

7 views
Skip to first unread message

phuket076

unread,
Jun 2, 2013, 12:13:18 AM6/2/13
to Bhukit Island


กองทุนต่างชาติขายหุ้นBTSทำกำไร

กองทุนต่างชาติขายหุ้นBTSทำกำไร

ต่างชาติฉวยจังหวะราคาหุ้นบีทีเอส แตะสถิติสูงสุด ขายทำกำไร "โกลด์แมนแซคส์-นอร์แบกซ์" เทเกลี้ยงพอร์ต ขณะที่ซิตี้ กรุ๊ป-โซเมอร์ขายบางส่วน สอดคล้องกับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ ด้านโบรกเกอร์แนะซื้อหลังปรับนโยบายปันผลล่วงหน้า ยันจ่ายไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาทต่อปี 


จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป (BTS) ล่าสุด ณวันที่ 8 พ.ค.2556 เปรียบเทียบกับ วันที่ 1 ม.ค. 2556 พบว่ามีสถาบันต่างประเทศได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นบีทีเอสลดลง บางรายไม่ได้ถือครองหุ้นเลย ซึ่งประกอบด้วย โกลด์แมนแซคส์ เคยถือหุ้น 109.07 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.99% นอร์แบกซ์ เคยถือหุ้น 78.17 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.71% 


โซเมอร์ (ยู.เค) ล่าสุดถือ 59.18 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.52% จากเดิมถือ 111.46 ล้านหุ้นคิดเป็น 1.01% ซิตี้กรุ๊ป โกลบอล มาร์เก็ต ลิมิเต็ด 83 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.73%จากเดิมเคยถือ 84.70 ล้านหุ้นคิดเป็น 077% สเตรท สตรีท แบงก์ ยุโรป 94.88 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.83% จากเดิมเคยถือ 114.74 ล้านหุ้นคิดเป็น 1.04% และเครดิตสวิส เอจี สิงคโปร์ 260.50 ล้านหุ้นคิดเป็น 2.28% จากเดิมถือครอง 262 ล้านหุ้นคิดเป็น 2.38% 


ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ได้ลดสัดส่วนการถือครองเช่นกัน ได้แก่ นายวันชัย พันธุ์วิเชียร ล่าสุดถือหุ้น 74.60 ล้านหุ้นคิดเป็น0.65% จากเดิมที่เคยถือหุ้น 114.35 ล้านหุ้นคิดเป็น1.04%และนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ถือหุ้น 91.50 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.8%จากเดิมเคยถือหุ้น 100 ล้านหุ้นคิดเป็น0.91% 


ทั้งนี้หากพิจารณาการเคลื่อนไหวราคาหุ้นบีทีเอส ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ระดับสูงสุด 9.65 บาท ณ วันที่ 19 มี.ค. 2556 ซึ่งราคาสูงสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ราคาต่ำสุด 6.95 บาท ณ วันที่ 11 ม.ค.2556 และราคาเฉลี่ย 8.37 บาท 


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทิสโก้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ซื้อหุ้นบีทีเอส เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ถูกกดดันจากการที่ประกาศจะไม่จ่ายเงินปันผลพิเศษจากการขายกองทุน BTSGIF แต่จากการที่ราคาของหุ้นบีทีเอส ซึ่งมองว่าบีทีเอสเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจ โดยมีความเสี่ยง คือจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง 


"ผลประกอบการบริษัทบีทีเอสช่วงประมาณการปี 56 เป็นไปตามที่ยังคงประมาณการ นอกจากนี้ บริษัทประกาศว่าจะจ่ายเงินปันผลพิเศษเป็นระยะเวลา 3 ปี และจะจ่ายเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 6-8 พันล้านบาท สำหรับปี 2557-9 นอกจากนี้ยังประกาศจ่ายเงินปันผล 0.45 บาท/หุ้นสำหรับผลประกอบไตรมาส 4/56 จะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 18 มิ.ย. 56 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ส.ค. นี้"นักวิเคราะห์กล่าว 


นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้ซื้อหุ้น เนื่องจาก บริษัทประกาศนโยบายปันผลที่ชัดเจนขึ้น และกำไรจากการดำเนินงานดีขึ้นในทุกธุรกิจ คือ โฆษณา อสังหาริมทรัพย์ และบริการต่างๆ แต่งบการเงินครั้งนี้ไม่แสดงธุรกิจรายได้จากรถไฟฟ้า แต่ทำงบเตรียมไว้สำหรับการขายรายได้ไปยังกองทุน BTSGIF 


ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดสุดท้ายที่ 0.045 บาท บาท รวมทั้งปีจ่าย 0.388 บาท อีกทั้งประกาศชัดเจนเรื่องเงินปันผลในอนาคต รวมปันผลพิเศษ เป็นการทยอยจ่ายคือ ปี 56-57 ไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท ปี 57-58 ไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ปี 58-59 ไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท 


"ฝ่ายวิจัยประเมินว่า แม้ตลาดอาจผิดหวังเรื่องการจ่ายปันผลพิเศษที่ไม่เป็นก้อนใหญ่ในครั้งเดียว ตามที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า แต่เห็นว่าบริษัทเตรียมเงินไว้สำหรับประมูลการบริหารเดินรถในอนาคต เพื่อประหยัดดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 10.38 บาท ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลงวดปี 56-57 สูงเป็น 6.2% และปีถัดไปเป็น 7.2%"นักวิเคราะห์กล่าว 


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า การที่บริษัทปรับวิธีการจ่ายปันผลแม้ไม่ได้ทำให้มูลค่าพื้นฐานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากเงินสดยังคงอยู่ในมือ แต่ประเด็นที่สำคัญคือ การสร้างความผิดหวังให้กับตลาดในระยะสั้น ขณะที่การถือเงินสดในมือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท แลกกับดอกเบี้ยรับเพียง 3% อาจดูว่าบริษัทบีทีเอสเสียโอกาสในการที่จะสร้างผลตอบแทนได้มากกว่านี้ ดังนั้นมองว่าจะเกิดจิตวิทยาเชิงลบต่อราคาหุ้นในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยไม่คิดว่าราคาจะปรับตัวลงมาก เนื่องจากผลตอบแทนเงินปันผลใน 3 ปีนี้ ยังคงอยู่ในระดับสูงเฉลี่ย 7.8% ต่อปี และจะสูงขึ้นอีกเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง ทำให้การลงทุนจะเป็นลักษณะของการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล และรอการลงทุนรถไฟฟ้าสายถัดไป



Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages