Groups
Groups
Sign in
Groups
Groups
Nice Messages
Conversations
About
Send feedback
Help
หมึก-น้ำหมึก
1 view
Skip to first unread message
phuket076
unread,
Aug 26, 2013, 9:21:52 AM
8/26/13
Reply to author
Sign in to reply to author
Forward
Sign in to forward
Delete
You do not have permission to delete messages in this group
Copy link
Report message
Show original message
Either email addresses are anonymous for this group or you need the view member email addresses permission to view the original message
to Bhukit Island
หมึก-น้ำหมึก
รู้ไปโม้ด
โดย...น้าชาติ ประชาชื่น
nac...@yahoo.com
เกี่ยวกับน้ำหมึกของหมึก พบคำตอบในข้อเขียนขอ สายันต์ รวดเร็ว นักวิชา การหน่วยเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร สำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ว่า หมึกเป็นสัตว์นํ้าไม่มีกระดูกสันหลัง อยู่ในกลุ่มเดียวกับหอย หรือทางวิทยาศาสตร์เรียกกลุ่ม Mollusk ซึ่งในโลกนี้มีหมึกอยู่หลายสายพันธุ์ มีขนาดตั้งแต่เล็กไม่กี่มิลลิเมตรที่เรียกว่าหมึกแคระ จนถึงขนาดใหญ่หลายสิบเมตรที่เรียกว่าหมึกยักษ์ โดยหมึกจะกินสัตว์ขนาดเล็กที่ลอยในทะเล และกินปลาที่มีขนาดเล็กเป็นอาหาร
หมึกถูกนำมาปรุงเป็นอาหารมากมายหลายเมนู ตั้งแต่บริโภคแบบสดอย่างชาวญี่ปุ่น หรือนำมาประกอบเป็นอาหารคาว หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยทั้งหมดล้วนแต่ใช้ส่วนที่เป็นเนื้อหมึก คุณค่าทางโภชนาการที่ได้ก็จะเป็นโปรตีนเป็นหลัก ซึ่งเมื่อดูในรายละเอียดด้านคุณภาพของโปรตีนในเนื้อหมึก โดยวิเคราะห์หาปริมาณกรดอะมิโน พบว่าเป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายสูง
ทั้งนี้ กรดอะมิโนจำเป็นก็คือกรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น โดยเฉพาะไลซีนและทรีโอนีนซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตในเด็ก และจากการประเมินคุณภาพของโปรตีนโดยใช้ค่าคะแนนของกรดอะมิโน พบว่าโปรตีนของหมึกมีคุณภาพดีพอสมควร เช่น หมึกกล้วยได้คะแนนเท่ากับ 74 (นํ้านมวัวมีค่าเท่ากับ 91) นอกจากโปรตีน ก็จะมีส่วนที่เป็นไขมันและวิตามินต่างๆ เช่น บี 1 บี 2 และ ไนอะซิน
นอกเหนือจากเนื้อหมึกยังมีอีกส่วนที่นำมาใช้เป็นอาหารได้ และน้อยคนจะรู้ว่ามีประโยชน์น่าสนใจทีเดียว สิ่งนั้นก็คือนํ้าสีดำๆ ของหมึกนั่นเอง ที่นำไปทำอาหารอย่างเช่นเส้นสปาเกตตีสีดำ ซอสครีมหมึกดำ พิซซ่าหมึกดำ ฯลฯ และนํ้าหมึกยังใช้สำหรับเป็นหมึกพิมพ์ได้ด้วย
"นํ้าหมึก" (Squid Ink) เป็นของเหลวที่ผลิตโดยสัตว์นํ้าที่ชื่อเหมือนกันคือหมึก องค์ประกอบหลักร้อยละ 51.2 เป็นสารจำพวกคาร์โบไฮเดรตกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ อีกร้อยละ 30.8 เป็นสารให้สี และที่เหลืออีกร้อยละ 17.8 เป็นโปรตีนชนิดเปปไทด์ ซึ่งมีประโยชน์เพื่อการป้องกันตัวเองของหมึกในยามคับขัน โดยใช้พ่นใส่ศัตรูผู้รุกราน หมึกนั้นจะทำให้ศัตรูเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะพอที่จะให้หมึกพรางตัว
นํ้าหมึกยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจทีเดียว ดังจะเห็นได้ว่าในประเทศญี่ปุ่น จีน หรือประเทศแถบยุโรป ใช้นํ้าหมึกเป็นยารักษาโรคมาช้านานแล้ว โดยมีผู้ศึกษาพบว่านํ้าหมึกมีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ทั้งยังมีผลกับการหลั่งของนํ้าย่อยด้วย และต่อมาคณะนักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่า ส่วนประกอบชนิดหนึ่งในนํ้าหมึกที่เรียกว่า Peptidoglycan ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการจับกับของส่วนที่เป็นโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต มีคุณสมบัติพิเศษในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก โดยผู้วิจัยได้สกัดแยกสาร Peptidoglycan ออกเป็น 3 ชนิดย่อยตามองค์ประกอบ แล้วนำไปทดลองฤทธิ์การยับยั้งเนื้องอกในหนูทดลอง โดยฉีดเข้าทางช่องท้องของหนู
ผลการทดลองพบว่าสาร Peptidoglycan ทั้ง 3 ชนิดให้ผลยับยั้งการเกิดเนื้องอกได้ โดยสารนี้จะไปช่วยเสริมกลไกการทำลายเซลล์เนื้องอกด้วยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่น่าสนใจคือการให้ความร้อนแก่นํ้าหมึกที่ 100 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที ไม่ได้ทำลายฤทธิ์การยับยั้งเนื้องอก
Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages