วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านและรถอย่างได้ผล

9 views
Skip to first unread message

noppa...@th.yusen-logistics.com

unread,
Oct 12, 2011, 12:19:19 AM10/12/11
to
a good file to share



 
วิธีก่อกองทรายกันน้ำท่วมให้ถูกวิธี ถ้าสร้างไม่เป็นทำนบแตก เสียหายใช่เหตุ!
Posted on ตุลาคม 8, 2011 by "Beam" Theinruj T.| 4 ความเห็น
วิธีวางถุงทรายที่ถูกต้อง
วิธีวางถุงทรายที่ถูกต้อง
มีของมีเวลาแต่ก่อกองทรายไม่เป็น ทำนบแตก น้ำรั่ว เสียหายใช่เหตุ!
นี่เป็นวิธีป้องกันน้ำที่ถูกต้อง งานวิจัยจากสถาบัน North Dakota State University ที่สหรัฐอเมริกา สรุปให้เข้าใจง่ายโดย ThinkOfLiving.com ผมเองครับ
ทรายเป็นวัสดุที่ง่ายที่สุดที่ใช้ในการเทใส่ถุงและทำให้ถุงเป็นรูปร่างที่ต้องการ จริงๆแล้วดินหรือโคลนก็ใช้กันน้ำได้ดีแต่จะทำงานยาก ถ้าไม่มีทรายให้ใช้ดินหรือโคลนแทนก็ได้
วิธีใส่ทรายและมัดปากถุง
วิธีใส่ทรายและมัดปากถุง
นำทรายใส่ถุงประมาณครึ่งถุงนิดๆ ตามภาพประกอบ เพื่อให้ทรายสามารถเคลื่อนตัวไปมาในถุงได้ ทำให้ได้ทำนบที่มีประสิทธิภาพในการกั้นน้ำ ถุงที่ใส่ทรายเยอะไปหรือผูกถุงต่ำไปจะทำให้เกิดช่องว่าง น้ำจะไหลทะลักเข้ามาได้
วิธีวางถุงทรายที่ถูกต้อง
วิธีวางถุงทรายที่ถูกต้อง
หาทำเลเหมาะๆในการก่อทำนบ ห้ามก่อทำนบติดกำแพงหรือผนัง ไม่อย่างนั้นแล้วแรงที่ทำนบรับจากน้ำจะไปดันอาคารหรือผนัง ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับแรงดันน้ำ อาจส่งผลให้บ้านพังลงมาทั้งหลังได้ เว้นระยะห่างระหว่างปลายทำนบและอาคารประมาณ 2 เมตรครึ่ง ให้พอมีระยะในการจัดการทำนบ สูบน้ำออก วิดน้ำและสังเกตุการณ์ได้
ส่วนวิธีการก่อให้ดูตามรูป ห้ามก่อทำนบบนพื้นผิวลื่น เพราะสิ่งที่ยันทำนบไว้คือแรงเสียดทาน ที่เกิดจากน้ำหนักของถุงทราย ผิวสัมผัสของถุงทรายและพื้นดิน การที่ขุดร่องเอาไว้ชั้นล่างจะช่วยเพิ่มเรื่องแรงเสียดทาน และใช้เป็นร่องน้ำไม่ให้ซึมทะลักไปฝังตรงข้าม ร่องควรจะกว้างอย่างน้อย 40 ซม. ลึกอย่างน้อย 10 ซม.
จำนวนถุงทรายที่ต้องใช้
จำนวนถุงทรายที่ต้องใช้
การคำนวนจำนวนถุงทรายที่ใช้มีสูตรอยู่ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ ผมจะสรุปมาสั้นๆดังนี้
ทหารช่างอเมริกันบอกว่าการก่อกองทรายที่ดี ต้องมีฐานกว้างเป็น 3 เท่าของความสูง ซึ่งจะใช้จำนวนถุงทรายขนาด 4″ x 10″ x 14ประมาณเท่านี้ สำหรับทำนบยาว 100 ฟุต (30 เมตรครึ่ง)
§             ทำนบสูง 1 ฟุต (30.5 เมตร) ใช้ 600 ถุง
§             ทำนบสูง 2 ฟุต (71 เมตร) ใช้ 2,100 ถุง
§             ทำนบสูง 3 ฟุต (91.5 เมตร) ใช้ 4,500 ถุง
§             ทำนบสูง 4 ฟุต (122 เมตร) ใช้ 7,800 ถุง
ถ้าทำ 3 เท่าของความสูงไม่ได้ ขั้นต่ำต้องทำ 2 เท่าของความสูง ซึ่งจะใช้จำนวนถุงประมาณเท่านี้ สำหรับทำนบยาว 100 ฟุต (30 เมตรครึ่ง)
§             ทำนบสูง 1 ฟุต (30.5 เมตร) ใช้ 600 ถุง
§             ทำนบสูง 2 ฟุต (71 เมตร) ใช้ 1,700 ถุง
§             ทำนบสูง 3 ฟุต (91.5 เมตร) ใช้ 3,000 ถุง
§             ทำนบสูง 4 ฟุต (122 เมตร) ใช้ 5,500 ถุง
ถุงทรายเมืองไทยถุงหนึ่งใส่ประมาณ 25 กิโลกรัม ก็คูนเข้าไปเลยครับตัวเลขทรายที่ต้องซื้อว่ากี่กิโลกรัม
ภาพมุมบน เวลาวางฐานชั้นล่างสุด
ภาพมุมบน เวลาวางฐานชั้นล่างสุด
วางชั้นล่างสุดสลับเป็นฟันปลา ให้ปลายถุงทรายแต่ละอันอยู่ในช่วงกลางถุงทรายแถวก่อนหน้า เหมือนๆกับการก่อกำแพงที่ต้องให้อิฐแถวล่างวางเป็นกึ่งหนึ่งของอิฐแถวบน
ถุงทราย วางขนานทิศการไหลของน้ำ
ถุงทราย วางขนานทิศการไหลของน้ำ
ถุงทราย วางให้เหลื่อมกัน
ถุงทราย วางให้เหลื่อมกัน
เมื่อก่อเสร็จ 1 ชั้น ให้คนขึ้นไปเดินบนแนวถุงทราย เพื่อเสริมความแน่นให้ทรายในถุงเข้ารูปมากขึ้น ทุกๆชั้นที่วางซ้อนเสร็จสิ้น ก็ให้คนขึ้นไปเดินบนถุงทรายอีกรอบหนึ่ง ซ้ำไปเรื่อยๆ จนได้ความสูงที่ต้องการ
ซีลทำนบกันน้ำด้วยแผ่นพลาสติก
ซีลทำนบกันน้ำด้วยแผ่นพลาสติก
วางแผ่นพลาสติกหลวมๆ อย่าให้ตึงปล่อยชายให้เหลือ 30 ซม. แรงดันน้ำที่ไหลมาจะเป็นตัวดันพลาสติกให้แนบไปกับถุงทรายเอง ถ้าวางแผ่นพลาสติกตึง แรงดันน้ำ (หรือตะกอนที่ไหลมากับน้ำแรงๆ) อาจเจาะพลาสติกจนเป็นรูขาด ใช้แนวถุงทรายเป็นตัวยึดชายพลาสติกบนล่าง ไม่ให้พลาสติกขยับเขยื้อน
เท่านี้เราก็จะได้ทำนบกั้นน้ำที่แข็งแรง แต่ไม่ใช่ว่ากันน้ำได้ 100% น้ำจะซึมผ่านถุงทรายมาเรื่อยๆ ให้เราใช้เครื่องสูบน้ำ หรือแรงคนวิดน้ำออกจากข้างในไปข้างนอกตลอดเวลา
 
 
ช่วยกันส่งต่อๆ ไปด้วยครับ เผื่อเป็นวิธีช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับ
ขอบคุณ
 
 
 มีอีกวิธีมานำเสนอครับ
 
วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล
น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ บ้านผมก็หนีไม่พ้นอีกเช่นเคย เพราะอยู่ในโซนหมายเลข 1 ที่น้ำจะต้องท่วมก่อนโซนอื่น ๆ ยังโชคดีที่ อบต.ปรับปรุงถนนหน้าหมู่บ้านให้มีความสูงมากขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นถึงแม้ระดับน้ำจากแม่น้ำปิงจะสูงเกินค่าวิกฤติ คือ 3.70 เมตร น้ำก็ยังไม่ล้นตลิ่งข้ามถนนเข้าไปท่วมหมู่บ้าน แต่ในที่สุดก็ไม่รอด เพราะปีนี้น้ำขึ้นสูงสุดถึง 4.94 เมตร สรุปว่าน้ำเริ่มเข้าท่วมถนนภายในหมู่บ้านตั้งแต่ตอนบ่ายวันพุธที่ 28 กันยายน 2554 และหยุดท่วมในเช้าวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554
ถึงน้ำจะท่วมถนนภายในหมู่บ้านสูงถึง 60 ซม. จนไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้า-ออกได้ตามปกติ แต่จากประสบการณ์ที่ต้องผจญกับน้ำท่วมในหมู่บ้านนี้มาหลายครั้ง ทำให้เกิดองค์ความรู้ที่จะป้องกันไม่ให้น้ำจากถนนภายในหมู่บ้าน ไหลเข้าไปท่วมในบริเวณบ้านอย่างได้ผล ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่น ๆ ในวันนี้ครับ

เตรียมการก่อน

ประสบการณ์จากน้ำท่วมเมื่อครั้งที่แล้ว พบว่าถึงแม้จะกั้นกระสอบทรายไว้ที่ประตูรั้ว แต่ก็ไม่สามารถกั้นน้ำเข้าบ้านได้ เพราะ (1)บริเวณสนามหญ้าและลานอิฐบล็อกภายในบริเวณบ้านจะมีน้ำปุดทะลุพื้นดินขึ้นมา (2)กระสอบทรายไม่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอ เมื่อถูกคลื่นที่เกิดจากรถยนต์วิ่งฝ่าเข้ามาในถนนที่น้ำท่วม จะมีแรงดันมหาศาลทำให้กำแพงกระสอบทรายพัง และน้ำไหลเข้าบริเวณบ้านได้ในที่สุด
จากประสบการณ์ดังกล่าวผมได้เตรียมการไว้หลังจากน้ำลดครั้งที่แล้ว ดังนี้
(1) ปรับปรุงพื้นรอบ ๆ บริเวณบ้านใหม่ โดยทำพื้นให้เรียบและเทพื้นด้วยคอนกรีตซีแพ็คลงไปจนเต็มชิดรั้วทุกด้าน
(2) ทำบานเหล็กสำหรับกั้นน้ำพร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง โดยทำกรอบรางเหล็กสำหรับสวม ติดถาวรไว้ที่ประตูรั้วบ้านทั้งซ้ายและขวา ส่วนบานเหล็กและเสาค้ำยันถอดออกได้ เพื่อให้สามารถใช้ประตูบ้านได้ในยามปกติ
(3) ซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดแช่ขนาดเล็กที่เรียกว่าไดรโว่ ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาท เครื่องสูบน้ำชนิดนี้จะขาดตลาดทันทีที่เกิดน้ำท่วม จึงต้องซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า แล้วก็ไม่ลืมสายไฟพร้อมปลั๊กที่จะใช้ต่อพ่วงมาจากตัวบ้านจนถึงประตูรั้ว
(4) ดินน้ำมันจำนวนหนึ่ง ใช้สำหรับอุดในช่องว่างที่ประกอบบานเหล็กกั้นน้ำเข้ากับประตูรั้วบ้าน

น้ำมาแล้ว

เสียงประกาศเตือนภัยจาก อบต. ตั้งแต่เช้า แจ้งว่าน้ำคงจะเข้าท่วมหมู่บ้านในช่วงบ่าย ขอให้ประชาชนเตรียมป้องกันทรัพย์สินของตนเอง ผมนำรถยนต์ออกจากบ้านไปจอดไว้ยังที่ปลอดภัยนอกหมู่บ้าน กลับเข้ามาก็เริ่มติดตั้งบานเหล็กเข้ากับประตูรั้วบ้าน ติดตั้งเสาค้ำยัน ใช้ดินน้ำมันอุดตามรอยต่อระหว่างบานกับกรอบรางเหล็ก นำเครื่องสูบน้ำไดรโว่มาวางไว้ใกล้ประตูรั้ว ในตำแหน่งที่คาดว่าน้ำจะซึมเข้ามาและท่วมขังอยู่ ต่อสายไฟพร้อมใช้งาน แล้วรอน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาในหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ
เวลาประมาณ 16.00 น. น้ำท่วมถนนภายในหมู่บ้านทุกถนนแล้ว มีน้ำซึมผ่านบานเหล็กที่ประตูรั้วเข้ามาในบ้านของผมปริมาณหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำก็สามารถควบคุมระดับน้ำไม่ให้สูงจนเกิดความเสียหายได้ เมื่อน้ำในถนนลดลง ผมไม่ต้องลำบากในการทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่มีดินโคลนตกค้างจากน้ำท่วมขัง เหมือนน้ำท่วมเมื่อครั้งก่อนอีกแล้ว

ภาพบรรยากาศ



ติดตั้งบานเหล็กเข้ากับเสาประตูรั้วบ้าน พร้อมติดตั้งเสาค้ำยัน

Description: http://www.bloggang.com/data/ampols/picture/1317710405.jpg


เข้า-ออก จากบ้านต้องใช้เก้าอี้บันไดตัวนี้ สังเกตระดับน้ำภายนอกบ้านเริ่มสูงมากแล้ว

Description: http://www.bloggang.com/data/ampols/picture/1317710537.jpg


ขณะที่ถนนด้านนอกระดับน้ำสูงถึง 60 ซม. แต่ภายในบ้านมีน้ำรั่วซึมเข้ามาเพียงเท่านี้ และเมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำ น้ำก็จะแห้งภายใน 5 นาที

Description: http://www.bloggang.com/data/ampols/picture/1317710597.jpg


ลุยน้ำออกไปถ่ายจากนอกบ้านเข้ามา สภาพประตูกั้นน้ำจะมีลักษณะนี้

Description: http://www.bloggang.com/data/ampols/picture/1317710667.jpg


บ้านข้าง ๆ ก็ติดตั้งบานประตูกั้นน้ำเช่นเดียวกัน

Description: http://www.bloggang.com/data/ampols/picture/1317710742.jpg


อีกภาพหนึ่ง

Description: http://www.bloggang.com/data/ampols/picture/1317710817.jpg
ถ้าเป็นไปได้อย่างที่เราบอกการเตรียมรับมือน้ำท่วมนั้นถือว่าเป็นเรื่อง สำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์นั้นการไม่ให้รถนั้นโดนน้ำท่วมก็ย่อมเป็นทางออกที่ ดีที่สุด การหาที่จอดปลอดภัยที่พ้นจากระดับน้ำนั้นทำให้รถไม่เสียหาย แต่ก่อนเอารถไปจอดก็พยายามดูด้วยการที่เราจอดรถทิ้งไว้ในจุดนั้นจะปลอดภัย จากรถหายหรือไม่ ที่สำคัญของมีค่าทั้งหลายเอาออกจากรถ และล็อคระบบป้องกันต่างๆให้เรียบ เพื่อป้องกันการโดนงัดหรือขโมยรถยนต์

เตรียมรถเมื่อน้ำท่วม

หากคุณไม่มีเวลาที่จะหนีน้ำได้ทันแต่น้ำนั้นยังไม่ขึ้นสูงมากพอที่จะทำ ให้ของคุณจมไปทั้งคันได้นั้น ให้คุณดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อนที่จะสายเกินไป

ดูแลรถหลังน้ำท่วมดูแลรถหลังน้ำท่วม

1.ครอบท่อไอเสีย ใน กรณีที่น้ำมีโอกาสขึ้นสูงจนสามารถท่วมรถเกินครึ่งคันนั้นให้คุณ นำถุงพลาสติกมาครอบท่อไอเสียเอาไว้เพื่อป้องกันเข้าไปยังท่อไอเสีย โดยเฉพาะใครที่ชอบใส่ท่อแต่ใหญ่ๆควรรีบจัดการโดยเร็ว

2.อุดท่อในชุดกรองอากาศ เมื่อจัดการท่อไอเสียเสร็จแล้วก็ให้มาจัดการทางเข้าอากาศที่อยู่ในหม้อกรอง อากาศกันต่อตรงนี้ ให้คุณใช้วิธีขยำกระดาษแล้วห่อด้วยถุงพลาสติดใสขนาดพอดีท่ออากาศยัดเอาไว้ โดยให้อุดท่อที่อยู่ก่อนเข้าตัวแผ่นกรองอากาศ ซึ่งจะทำให้น้ำไม่สามารถไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้

3.ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ เมื่อ ทำ2อย่างเสร็จแล้ว สิ่งที่ไม่ถูกกับน้ำนั้นคือไฟฟ้า และเราแนะนำให้ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ออกเพื่อลดความเสียหายจากภัยน้ำท่วมที่จะ เกิด

ใน กรณีนี้สำคัญมากสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ให้สอบถามยังศูนย์บริการใกล้บ้านก่อนว่าจะสามารถถอดแบตเตอร์รี่ได้หรือไม่ เพราะรถบางรุ่นต้องการไฟไว้เลี้ยงระบบ ข้อนี้สำคัญมากห้ามลืม

4.กล่องคอมพิวเตอร์ตัวนี้น่ะสำคัญ รถยนต์ในปัจจุบันนั้นมีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้มันมีหน่วยประมวลผลที่เรียกว่ากล้องคอมพิวเตอร์ หรือ ECU (Electonics Control Unit) ที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนหากถูกน้ำท่วม ในการป้องกันนั้น ให้ทำการครอบด้วยถุงพลาสติก หรือในรถบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นเก่าสามารถถอดเก็บไว้ได้ แต่ในกรณีรถรุ่นใหม่นั้น สอบถามรายละเอียดให้ดี เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ แต่ความจริงแล้วกล่องพวกนี้ทนน้ำในระดับหนึ่ง แต่ถ้าน้ำท่วมระดับสูงก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน

5.คลุมรถด้วยผ้าคลุมกันน้ำ ผ้าคลุมรถบางรุ่นนั้นมันมีคุณสมบัติที่สามารถจะกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ลดความเสียหายโดยเฉพาะในห้องโดยสารได้พอสมควรเลย ทางที่ดีไปหามาไว้สักอันก็ดีเหมือนกัน และอย่างลืมผูกให้แน่นรัดให้แนบชิดรถมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทั้ง 5 ข้อ นี้สามารถช่วยให้รถของคุณปลอดภัยจากความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและระดับน้ำด้วยสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะน้ำยิ่งสูงยิ่งมีแรงดันมาก ทำให้ไม่ว่าเราจะป้องกันดีแค่ไหน ก็อาจจะยังเสียหายอยู่ดี

หวังว่าบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มีบ้านในหมู่บ้านจัดสรร ที่น้ำเคยท่วมแล้ว จะได้เป็นแนวทางในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านแสนรักในครั้งต่อไป ได้บ้างตามสมควรครับ.

 

Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages