หากเอกสารสรุปคำบรรยายนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้า kankokub ขออภัยและน้อมรับแต่เพียงผู้เดียว หากจะมีประโยชน์อยู่บ้างขอมอบให้แก่ ท่านอาจารย์ รุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ ผู้บรรยาย , ผู้มีน้ำใจส่ง flie เสียงที่ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้ฟังคำบรรยาย , บิดามารดาข้าพเจ้าขอบคุณ. http://www.muansuen.com และคุณ admin ที่นำ flie เสียงมาลงแบ่งปันให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ครั้งที่ 1 . พ 26 พฤษภาคม 2553
ต่อไปก็เป็นวิชาแรงงาน อาจารย์ชื่ออาจารย์รุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ อาจารย์บรรยายสองข้อคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในส่วนจ้างแรงงาน และพรบคุ้มครองแรงงาน จะเน้นที่ พรบ
กฎหมายแรงงานใช้ระหว่าง นายจ้าง กับ ลูกจ้าง ตามสัญญาจ้างแรงงาน ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจ้างแรงงาน ไม่ใช่เรื่องนายจ้างลูกจ้างก็ไม่อยู่ในบังคับกฎหมายคุ้มครองแรงงานก็ไปเรื่องกฎหมายแพ่งทั่วไป
การเป็นนายจ้างลูกจ้างเกิดจากสัญญาจ้างแรงงาน อยู่ ป.พ.พ 575 หรือใน พรบ คุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 ซึ่งเขียนทำนองเดียวกัน หลักเกณฑ์ ของสัญญาจ้างแรงงานประการแรกคือ เป็นสัญญาที่นายจ้างกับลูกจ้างตกลงกันเป็นหนังสือด้วยวาจา หรือ ตกลงกันโดยปริยาย เป็นสัญญาก็ต้องมีสองฝ่าย มีการเสนอสนองถูกต้องตรงกันทำเป็นหนังสือก็ได้ เป็นสัญญาจ้างแรงงาน พูดด้วยวาจาก็ได้ ตกลงกันด้วยวาจาอย่างนี้สัญญาจ้างแรงงานก็เกิดแล้วไม่ต้องทำเป็นหนังสือ โดยปริยายคือ ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ไม่ได้พูดด้วยวาจา แต่มีพฤติกรรม ตัวอย่างเช่น ปพพ มาตรา 581 คือ สัญญาจ้างที่มีกำหนดเวลา เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วสัญญาจ้างก็สิ้นสุดลง เช่นจ้างกัน หนึ่งปี หรือ สองปี เมื่อครบแล้วก็สิ้นสุดลงแต่ นายจ้างก็ให้ลูกจ้างทำงานต่อไป กรณีอย่างนี้ มาตรา 581 บัญญัติว่า ถือว่ามีการจ้างกันต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา
ซึ่งมีค่อนข้างน้อย
ประการที่สองนายจ้างตกลงให้ลูกจ้างทำงานและจ่ายค่าจ้างให้ตลอดระยะเวลาที่ทำงาน สังเกตว่าการจ่ายค่าจ้างนี้จ่ายให้ตลอดระยะเวลาที่ทำงานให้ no work no pay
บริษัท ก ทำงาน วันจันทร์ ถึง ศุกร์ เดือนหนึ่งอย่างมากก็ยี่สิบสองวันไม่นับวันหยุดประจำปี แต่ได้รับเงินเดือนสามสิบวัน อีกแปดวันที่ไม่ได้ทำงานแต่ได้ค่าจ้าง เรียกค่าจ้างในวันหยุด
วันลา ที่มีกฎหมายเขียนว่า ในมาตรา 57 วรรคแรก นี่คือข้อยกเว้นประการที่สองที่ไม่ทำงานแต่ได้เงิน
ประการที่สามคือ มาตรา 75 นายจ้างสั่งหยุดกิจการชั่วคราว ลูกจ้างก็มีสิทธิได้เงินตลอดระยะเวลาที่หยุดกิจการ เดิมห้าสิบ ปัจจุบัน ร้อยละ 75 ของค่าจ้าง
ประการที่สี่ลูกจ้างถูกพักงานเพื่อสอบสวน ตามมาตรา ที่ 116 และ 117 นายจ้างต้องจ่ายเงินให้ในเจ็ดวันแรกครึ่งหนึ่ง ส่วนวันที่เลยไปแล้วลูกจ้างได้เต็ม
สาม ลูกจ้างตกลงทำงานให้นายจ้างและรับค่าจ้าง นี่คือหลักเกณฑ์ของสัญญาจ้างแรงงานซึ่งสามารถไปดูที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นอกจากเป็นสัญญาจ้างแรงงานแล้ว อาจเป็นสัญญาอื่นก็ได้ เช่น สัญญารับจ้างทำของ หรือ สัญญารับเหมาคืออันเดียวกัน หรือสัญญาตัวแทนโดยมีบำเหน็จเป็นต้น เช่นพวกขายประกัน พวกชิพปิ้ง ก็อยู่ในบังคับทางแพ่งทั่วไป
แต่ถ้าเป็นสัญญาจ้างแรงงานต้องอยู่ในบังคับกฎหมายแรงงาน และเวลามีข้อพิพาท ต้องขึ้นที่ศาลแรงงานซึ่งมีวิธีพิจารณาความที่ต่างจากคดีแพ่งทั่วไป ต่อไปหลักเกณฑ์ที่อาจารย์บอก
ที่ใกล้กับสัญญาจ้างแรงงานที่สุดคือ สัญญาจ้างทำของอยู่ในมาตรา 586 เป็นสัญญาที่ผู้ว่าจ้างหรือผู้รับจ้างตกลงกันเป็นหนังสือด้วยวาจาหรือโดยปริยาย
คำว่าสินจ้างกับค่าจ้างเหมือนกัน คำว่าสินจ้างเป็นคำโบราณ ข้อที่เหมือนกันคือเป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ คือทำเป็นหนังสือก็ได้ วาจาก็ได้ หรือโดยปริยายก็ได้
ที่สำคัญ สัญญาจ้างแรงงานมีอำนาจบังคับบัญชา ถ้าไม่มีอำนาจบังคับบัญชาไม่ใช่สัญญาจ้างแรงงาน
มีระเบียบที่จะออกบังคับ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆคือคนที่ทำงานไม่ได้มีอิสระจะต้องทำงานที่เขาสั่ง ถ้าไม่ทำเขาลงโทษได้ ลงโทษโดยอาจจะเตือน ตัดเงินเดือน อาจจะพักงาน อาจจะเลิกจ้าง ไม่เช่นนั้นวิธีที่จำ อำนาจบังคับบัญชาต้องทำตามที่สั่งไม่เช่นนั้นลงโทษได้ นักศึกษาหรือคน มันจะถาม เวลาตอบข้อสอบจะแยกได้อย่างไร แน่นอนการตอบข้อสอบมีการมัดข้อเท็จจริงให้แล้ว
หนึ่งการทำงานมีอิสระหรือไม่ สองต้องทำตามวันที่เขากำหนดหรือไม่ สามต้องทำงานในสถานที่ที่กำหนดหรือไม่ สี่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่เขาออกหรือไม่ ห้าไม่ทำงานต้องลาหรือเปล่า หกถ้าไม่ทำตามระเบียบเขาลงโทษได้หรือไม่
แต่ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ต้องนี่คือหลักนะครับ
ศาลฏีกาวางหลักว่าอำนาจบังคับบัญชาเป็นสำคัญ
5604/2542
โจทก์ไม่ได้กำหนดสถานที่ทำงาน วันเวลาทำงาน ไม่ได้มีกำหนดวันหยุดประจำสัปดาห์และการลงโทษอันเป็นสาระสำคัญของจ้างแรงงาน
ฏีกานี้ก็ตัดสินด้วยอำนาจบังคับบัญชาเพราะนายจ้างไม่ได้มีอำนาจบังคับ สมมุติการออกข้อสอบก็จะมาดู ว่าไม่มีกำหนดอำนาจบังคับบัญชา เราต้องวางหลักว่าอำนาจบังคับบัญชาคืออะไร
นักศึกษาเนฯหลายคนมีความรู้ดี แต่เวลาตอบข้อสอบตอบไม่เป็น หรือไปอ่านฏีกาเยอะแยะมาแต่จับหลักไม่ได้
จิตรกรอิสระ ตรงนี้มัน มีอำนาจอิสระที่ไม่อยู่ในบังคับเยี่ยงลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน เอาเรื่องอำนาจบังคับบัญชามาตัดสิน
สรุป 6831/2543 ลูกจ้างรายวันที่มีสิทธิเฉพาะวันที่มาทำงาน
เมื่อเป็นสัญญาจ้างแรงงานคู่สัญญาก็มีสองฝ่าย ตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานแล้วก็จ่ายค่าจ้าง รวมถึง ผู้ได้รับมอบหมายให้ทำแทนนายจ้าง
ดูตัวบทมาตรา 5 นายจ้างมีองค์ประกอบสำคัญสองประการ คือ หนึ่ง ตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงาน ซึ่งการตกลงอาจทำเป็นหนังสือ วาจา หรือ ปริยายก็ได้
กฎหมายไม่ได้ดูชื่อ ดู ผู้ตกลงรับทำงานและ ผู้รับตกลงเพื่อรับค่าจ้าง
225/2525 กรรมการผู้จัดการเป็นทั้งนายจ้างและลูกจ้าง พูดง่ายๆ สรุปง่ายๆก็คือว่า คนที่เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเขาสวมหมวกสองใบ คือเป็นนายจ้างและลูกจ้าง ได้รับเงินเดือน ก็เป็นลูกจ้าง ตรงนี้อาจารย์เคยออกข้อสอบในมหาวิทยาลัย หลายแห่ง หลายคนตอบว่าเป็นนายจ้างไม่เป็นลูกจ้าง ต้องดูข้อเท็จจริงต่อไปนะครับ ถ้าตกลงทำงานให้แก่บริษัท
852/2543 ฏีกานี้ดีนะครับ โอนไปแล้วจะมาเอาสิทธิประโยชน์จากบริษัทเดิมไม่ได้นะครับ
875/2548 เป็นข้าราชการ ในเวลากลางวันเวลากลางคืนก็มาทำงานนอกเวลาให้หน่วยงานราชการ เป็นลูกจ้างหรือไม่ เพราะข้าราชการไม่อยู่ในบังคับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ช่วงที่ทำนอกเวลาถือเป็นลูกจ้าง ต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมในส่วนนั้นด้วยนะครับ
ผู้ทำการแทนนายจ้าง ผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล ถือตามกฎหมาย ก็คือ ปพพ มาตรา 70 เช่นกรรมการผู้จัดการผู้อำนวยการผู้ว่าการ กรรมการผู้จัดการหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นต้น ดูที่หนังสือจดทะเบียน แต่ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะเป็นตัวแทนนิติบุคคลกระทำการในขอบอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดแล้ว