Fwd: [Interesting Things] เรียนเรื่องเสียง่อ ใช้โปรแกรม Tracker เล่นบูมเมอแรงกระดาษ

18 views
Skip to first unread message

Pongskorn Saipetch

unread,
Dec 6, 2013, 10:58:02 AM12/6/13
to kostuffma...@googlegroups.com, osk105ma...@googlegroups.com, ploypoom...@googlegroups.com, par...@baanpathomtham.com, teach...@baanpathomtham.com, wckrujane@gmail.com chandrapratin, homesch...@hotmail.com, "marxmos@yahoo.com สมบุญปีติ", supi...@hotmail.com, nuik...@yahoo.com, supamit...@yahoo.com
วันอังคารที่ผ่านมานี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม กลุ่มบ้านเรียนเฟิร์น และอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้เด็กอนุบาลสามได้เล่นบูมเมอแรงกระดาษสองแบบ (แบบตัว L และ X) เด็กประถมต้นได้เรียนเรื่องเสียงต่อ ได้เห็นกระดาษกระเพื่อมจากคลื่นเสียงที่ออกจากลำโพง ได้เห็นว่าลำโพงและไมโครโฟนทำงานอย่างไร ได้อัดเสียงและดูภาพคลื่นเสียงที่อัดไว้ และได้เล่น Glass Harp (แก้วกำทอนหรือแก้วไวน์ร้องเพลง) ส่วนเด็กประถมปลายได้เห็นการใช้โปรแกรมฟรีที่เรียกว่า Tracker วัดตำแหน่งของลูกบาสตกกระเด้งบนพื้น ผมดีใจมากที่เด็กๆบางคนเข้าใจได้เองว่าถ้าดู "ความชัน" ของกราฟตำแหน่งของลูกบอลเทียบกับเวลาจะรู้ว่าเป็นความเร็วที่ลูกบอลเคลื่อนที่ (เด็กๆเรียก "ความชัน" หรือ "slope" ว่า "ความเอียง" ครับ)

บันทึกการเรียนรู้อยู่ที่ http://kostuff.blogspot.com/2013/12/tracker.html ครับ

Begin forwarded message:

From: Blogger <no-r...@blogger.com>
Subject: [Interesting Things] เรียนเรื่องเสียงต่อ ใช้โปรแกรม Tracker เล่นบูมเมอแรงกระดาษ
Date: December 6, 2556 BE at 10:26:32 PM GMT+7


อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่ที่นี่ครับ

ถ้าสงสัยว่าไม่เห็นรูปหรือวิดีโอ เข้าไปดูที่เว็บ http://kostuff.blogspot.com/ นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าอ่านในเมล์จะไม่เห็นวิดีโอครับ สำหรับบันทึกการสอนต่างๆในอดีตเข้าไปดูที่ http://atriumtech.com/sci_kids/ นะครับ

(คราวที่แล้วเรื่อง "อะไรๆก็ประหลาดในอวกาศ จรวดทำงานอย่างไร กลตั้งไข่ กลตั้งกระป๋องเครื่องดื่ม" ครับ)

วันอังคารที่ผ่านมานี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม กลุ่มบ้านเรียนเฟิร์น และอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้เด็กอนุบาลสามได้เล่นบูมเมอแรงกระดาษสองแบบ (แบบตัว L และ X) เด็กประถมต้นได้เรียนเรื่องเสียงต่อ ได้เห็นกระดาษกระเพื่อมจากคลื่นเสียงที่ออกจากลำโพง ได้เห็นว่าลำโพงและไมโครโฟนทำงานอย่างไร ได้อัดเสียงและดูภาพคลื่นเสียงที่อัดไว้ และได้เล่น Glass Harp (แก้วกำทอนหรือแก้วไวน์ร้องเพลง) ส่วนเด็กประถมปลายได้เห็นการใช้โปรแกรมฟรีที่เรียกว่า Tracker วัดตำแหน่งของลูกบาสตกกระเด้งบนพื้น ผมดีใจมากที่เด็กๆบางคนเข้าใจได้เองว่าถ้าดู "ความชัน" ของกราฟตำแหน่งของลูกบอลเทียบกับเวลาจะรู้ว่าเป็นความเร็วที่ลูกบอลเคลื่อนที่ (เด็กๆเรียก "ความชัน" หรือ "slope" ว่า "ความเอียง" ครับ)

สำหรับเด็กอนุบาลสามวันนี้ ผมตัดกระดาษแข็งจากโปสการ์ดและโบรชัวร์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 1" x 6"-9" ให้เท่ากันสองอัน แล้วมาต่อกันเป็นรูปตัว L หรือตัว X (กากบาท) ทำให้ติดกันด้วยลวดเย็บกระดาษครับ จากนั้นก็ทำการปล่อย สำหรับแบบตัว L เราวางไว้บนมือเราหรือหนังสือเรียบๆให้ขาข้างหนึ่งยื่นออกมา แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งดีดหรือตีขาที่ยื่นออกมาให้วิ่งไปข้างหน้าตรงๆ บูมเมอแรงจะหมุนๆแล้ววนกลับมาหาเราครับ หน้าตาของบูมเมอแรงที่ทำเสร็จจะหน้าตาแบบนี้ครับ:


นี่เป็นคลิปการทำบูมเมอแรงแบบตัว L ที่ผมบันทึกไว้นานแล้วครับ ทำทำนองนี้แหละครับ:



สำหรับแบบตัว X ให้เราจับขาข้างหนึ่ง ให้ตัวบูมเมอแรงตั้งเป็นมุมประมาณ 45 องศากับแนวดิ่งแล้วสะบัดข้อมือออกไปให้บูมเมอแรงหมุนๆครับ ถ้าขว้างได้พอเหมาะมันจะหมุนๆแล้ววนกลับมาทำนองนี้ครับ:


พบว่าเด็กๆอนุบาลสามยังเล่นไม่ค่อยได้ครับเพราะการควบคุมกล้ามเนื้อต่างๆยังไม่ลงตัว ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วย เด็กประถมจะเล่นได้ดีกว่าครับ

สำหรับเด็กประถมต้น เราคุยกันเรื่องเสียงต่อ ผมให้เด็กๆสังเกตกระดาษบางๆที่ไปวางไว้บนลำโพงที่มีเสียงดัง เด็กๆจะเห็นกระดาษสั่นรุนแรงเมื่อเสียงมีความถี่ต่ำๆ (ประมาณ 40-50 Hz) จะรู้สึกถึงลมที่ออกมาได้อย่างชัดเจน เมื่อเสียงมีความถี่สูงขึ้น (200 Hz) กระดาษจะสั่นเบาลงแต่ก็ยังรู้สึกได้ที่นิ้วที่จับกระดาษอยู่


ผมและคุณอ้อช่วยกันอธิบายว่าลำโพงและไมโครโฟนทำงานอย่างไร ลำโพงทำงานโดยมีแผ่นกระดาษหรือพลาสติกบางๆติดอยู่กับขดลวดที่ถูกล้อมรอบด้วยแม่เหล็ก เมื่อมีกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าขดลวดก็จะทำให้ขดลวดเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า เกิดการผลักและดูดกับแม่เหล็กทำให้ขดลวดและแผ่นกระดาษหรือพลาสติกบางๆขยับตัว ดันอากาศออกมาเป็นคลื่นเสียง ลำโพงเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดการสั่นของอากาศที่เป็นเสียงนั่นเอง


ส่วนไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในทางกลับกัน คือเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนการเคลื่อนไหวจากคลื่นเสียงให้กลายเป็นสัญญาณไฟฟ้า ในทางหลักการแล้วเราสามารถมองไมโครโฟนเป็นลำโพงที่เราไม่ได้ป้อนสัญญาณไฟฟ้าเข้าไป แต่มีคลื่นเสียงมากระทบแผ่นกระดาษด้านหน้าทำให้ขดลวดด้านหลังสั่น ขดลวดที่เคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็กจะมีกระแสไฟฟ้าวิ่ง เราสามารถเอากระแสไฟฟ้าเหล่านั้นไปใช้ต่อได้ เช่นบันทึกว่าไมโครโฟนรับเสียงอะไรมาบ้าง


ต่อไปเด็กๆก็ได้ดูหน้าตาของคลื่นเสียง เราใช้โปรแกรมฟรีที่ชื่อ Audacity มาอัดเสียง แล้วให้เด็กๆดูภาพคลื่นเสียงที่อัดได้กันครับ:
ภาพคลื่นเสียง
ภาพนี้คือคลื่นเสียงที่เราซูมขยายเข้าไปดูการสั่นของอากาศ เพื่อเราจะได้นับจำนวนการสั่นต่อวินาทีได้ด้วยตา

เด็กๆได้ทดลองพูดและอัดเสียงตัวเองและดูคลื่นเสียงของตัวเองครับ จากนั้นเด็กก็ได้เล่นแก้วกำทอนหรือ Glass Harp โดยเอานิ้วเปียกๆลูบปากแก้วไปมา แก้วที่เราใช้ควรเป็นแก้วที่ขอบแก้วไม่หนามากนัก แก้วไวน์หรือแก้วปากกว้างๆจะทำให้มีเสียงดังได้ง่าย สาเหตุที่แก้วส่งเสียงดังก็คือเวลาที่เราเอานิ้วเปียกๆลูบปากแก้ว นิ้วเราจะเสียดสีบนปากแก้ว ทำให้ปากแก้วสั่น (เปรียบเสมือนการสีซอที่นิ้วเราเหมือนคันซอและปากแก้วเหมือนสายซอ) การสั่นบางความถี่จะตรงกับความถี่ที่แก้วจะสั่นโดยธรรมชาติ เกิดการกำทอนทำให้ปากแก้วสั่นมากขึ้น กระทบอากาศรอบๆเป็นคลื่นเสียงให้เราได้ยิน ถ้าเราใส่น้ำในแก้ว ความถี่ที่แก้ว+น้ำจะเกิดการกำทอนก็จะเปลี่ยนไป ใส่น้ำมากความถี่ก็ต่ำลง ทำให้เสียงต่ำลง ถ้าใส่น้ำน้อยความถี่จะสูงกว่าทำให้มีเสียงสูงกว่า


เด็กๆได้ดูการเล่นดนตรีด้วย Glass Harp ขณะพยายามจดสรุปเรื่องราวที่ได้เรียนรู้วันนี้ด้วยครับ:





สำหรับเด็กประถมปลาย ผมแนะนำให้รู้จักกับโปรแกรมฟรีที่เรียกว่า Tracker ครับ โปรแกรมนี้ใช้ได้บน Windows, Mac OS X, และ Linux ครับ โปรแกรมนี้สามารถเอาวิดีโอคลิปที่เราถ่ายมาให้เราใส่ตำแหน่งวัตถุที่เราสนใจในแต่ละเฟรมแล้วโปรแกรมจะเอาตำแหน่งเหล่านั้นมาวาดเป็นกราฟและวัดค่าต่างๆให้เราได้ครับ วันนี้เราถ่ายคลิปการปล่อยลูกบาสให้กระเด้งกับพื้นครับ หน้าตาของโปรแกรมเป็นอย่างนี้ครับ:



รายละเอียดการใช้งานมีเยอะครับ แนะนำให้เข้าไปที่เว็บของโปรแกรมเองเลยแล้วทำตามหน้านี้

หลังจากวัดตำแหน่งลูกบาสได้ ผมก็ให้เด็กๆดูกราฟความสูง (กราฟค่า y) ของลูกบาสอันนี้:


แกนนอนเป็นเวลาเป็นวินาที แกนดิ่งคือความสูงของจุดศูนย์กลางลูกบาสที่เวลาต่างๆโดยหน่วยเป็นเซ็นติเมตร จะเห็นได้ว่าตอนแรกลูกบาสถูกถืออยู่เฉยๆเป็นเวลา 0.5 วินาทีแล้วก็ถูกปล่อยลงมา ลูกบาสตกลงมาเรื่อยๆจนกระทบพื้นครั้งแรกเมื่อเวลาเกือบๆ 1.1 วินาทีแล้วกระเด้งขึ้นไปจนหยุดกลางอากาศเมื่อเวลาเกือบๆ 1.5 วินาทีแล้วเริ่มตกลงอีกครั้ง กระทบพื้นครั้งที่สองตอนเวลาเกีอบๆ 1.9 วินาทีแล้วกระเด้งขึ้นอีกครั้ง

ขณะที่กำลังอธิบายความหมายของกราฟนี้ให้เด็กๆฟัง ผมก็ถามว่าเราพอจะรู้ได้ไหมว่าลูกบาสเคลื่อนที่เร็วแค่ไหน เด็กๆบางคนมองๆกราฟดูแล้วบอกว่าถ้าเส้นกราฟเอียงมากความเร็วก็มาก ถ้าเอียงน้อยความเร็วก็น้อย ทำให้ผมดีใจมากเพราะเด็กๆเข้าใจเกี่ยวกับความชันหรือ slope ของกราฟได้เอง เพียงแต่เขาใช้คำว่าความเอียงแทนคำว่าความชันที่เขายังไม่รู้จักเท่านั้น เอาไว้เราจะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ให้มากขึ้นในครั้งต่อๆไปครับ

ต่อไปนี้คือบรรยากาศและบันทึกการเรียนรู้ของเด็กๆครับ อัลบั้มเต็มอยู่ที่นี่นะครับ








































--
Posted By Blogger to Interesting Things at 12/06/2013 10:26:00 PM

---
ดูแลลูก Online/Know what your children are up to: http://www.saijai.net
เรื่อง(อาจ)น่าสนใจ ถ้าท่านคิดคล้ายๆผม: http://kostuff.blogspot.com
บันทึกเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับพ่อโก้: http://atriumtech.com/sci_kids/
รับข่าว ASTV ทางมือถือ เดือนละ 200 บาท รับข่าวพิมพ์ R ส่งไปที่ 4321000
ข้าว ASTV ส่งฟรี กทม. 02-633-5353
ของถูก: http://www.kongtuke.com/













Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages