อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่
ที่นี่ครับ
ถ้าสงสัยว่าไม่เห็นรูปหรือวิดีโอ เข้าไปดูที่เว็บ
http://kostuff.blogspot.com/ นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าอ่านในเมล์จะไม่เห็นวิดีโอครับ สำหรับบันทึกการสอนต่างๆในอดีตเข้าไปดูที่
http://atriumtech.com/sci_kids/ นะครับ
(คราวที่แล้วเรื่อง "
ไปคุยกับเด็กๆเรื่องโลกและดวงอาทิตย์ กิจกรรมภาพลวงตา หัดทำคอปเตอร์กระดาษ" ครับ)
วันอังคารที่ผ่านมานี้ผมไปทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์กับเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรมและอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้สำหรับเด็กประถมเราได้คุยกันเรื่องปริมาณน้ำและอากาศบนโลกที่มีน้อยกว่าที่คาดเยอะ ได้คุยกันเรื่องดาวศุกร์และดาวอังคารที่ไม่มีน้ำเหลวๆแล้ว เด็กประถมต้นได้หัดใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เด็กประถมปลายได้การบ้านไปวัดอุณหภูมิระหว่างสัปดาห์และคิดวิธีทำให้โรงอาหารมีอากาศเย็นๆ เด็กอนุบาลสามได้เล่น "เหล็กลอยน้ำ" ซึ่งก็คือวิธีวางคลิปหนีบกระดาษให้ลอยน้ำได้
ผมเอาลูกโลกมาให้เด็กประถมดูครับ แล้วถามเด็กๆว่า โลกเรามีน้ำเยอะไหม เด็กๆก็บอกว่าเยอะ ผมให้เด็กประมาณว่าเยอะแค่ไหน เด็กๆก็ทายกันใหญ่ว่าเป็น 70%, 80%, 2/3, 3/4 กันเป็นส่วนใหญ่ เด็กๆต่างก็เห็นขนาดของมหาสมุทรใหญ่โตปกคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของผิวโลก
ผมจึงถามต่อว่ามหาสมุทรต่างๆนี้ลึกแค่ไหน ภูเขาสูงๆสูงแค่ไหน เด็กๆหลายคนบอกได้ว่าประมาณสิบกิโลเมตร ผมจึงถามต่อว่าถ้าภูเขาสูงสิบกิโลเมตร มันจะใหญ่แค่ไหนบนลูกโลก (ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางปประมาณ 30 เซ็นติเมตร) เราพบว่าขนาดของภูเขาสูงสิบกิโลเมตรจะเล็กมาก ไม่เกิน 0.2 มิลลิเมตรด้วยซ้ำ ถ้าเอามือลูบๆก็ไม่น่าจะรู้สึกอะไร
ต่อไปผมบอกเด็กๆว่าทะเลส่วนใหญ่ก็ลึกสัก 3-4 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าย่อขนาดมาบนลูกโลกที่ถืออยู่แล้วลูบๆดูไม่น่าจะรู้สึกอะไร ดังนั้นน้ำทั้งหลายที่เราเห็นบนผิวโลกนั้น มีขนาดบางมากๆๆเมื่อเทียบกับขนาดโลก ถ้าเราเป็นยักษ์เอามือลูบโลกดู น่าจะมือเปียกหมาดๆเท่านั้น
หลังจากเด็กๆเข้าใจว่าแม้พื้นน้ำจะกินพื้นที่ส่วนใหญ่บนผิวโลก แต่มันตี้นมากเมื่อเทียบกับขนาดโลก เขาจึงเข้าใจรูปต่อไปที่ผมเอามาให้ดู คือเป็นภาพที่เอาน้ำทั้งหมดมารวมกันเป็นก้อนกลมๆแล้วเทียบกับขนาดโลกดู:
ลูกกลมๆสีฟ้าๆสามลูกคือน้ำครับ ลูกใหญ่สุดคือน้ำทั้งหมด ลูกกลางคือเฉพาะน้ำจืด ลูกจิ๊วคือน้ำจืดในแม่น้ำลำธารและทะเลสาบ จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำทั้งหมดไม่เยอะเลยเมื่อเทียบกับขนาดของโลก
ต่อไปผมก็ถามเด็กๆว่าแล้วอากาศล่ะ มีเยอะแค่ไหน เด็กๆรู้ไหมว่ามองขึ้นไปบนฟ้าจะมีอากาศสูงขึ้นไปเท่าไร ผมให้เด็กๆลองเอามือมาทาบกับลูกโลกดูว่าชั้นบรรยากาศจะอยู่สูงไปสักเท่าไรจากผิวโลก
![](https://1.bp.blogspot.com/-LUG4OPhIXiI/U5hwy35J-aI/AAAAAAAAOpo/7f5olkYdMwM/s1600/DSC04049.JPG) |
เอามือประมาณชั้นบรรยากาศกันครับ |
สักพักผมก็เฉลยว่าอากาศส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆโลกไม่กี่สิบกิโลเมตร อากาศจะเบาบางไปเรื่อยๆในที่สูงๆ ระยะสูงจากโลกสักประมาณ 300 กิโลเมตร เราก็ถึอว่ามีอากาศน้อยมากจนเรียกว่าอวกาศได้แล้ว จากนั้นผมก็เปรียบเทียบว่าชั้นบรรยากาศจะมีขนาดประมาณน้อยกว่าหนึ่งเซ็นติเมตรรอบๆลูกโลกที่เราใช้กัน เป็นชั้นบรรยากาศที่เล็กมากเมื่อเทียบกับโลก ผมทำมือสูงประมาณหนึ่งเซ็นติเมตรเหนือผิวลูกโลกเพื่อบอกว่าสถานีอวกาศนานาชาติ (
ISS) จะโคจรห่างจากโลกเท่านั้นเอง และโคจรรอบโลกทุกๆชั่วโมงครึ่ง ผมทำมือห่างจากโลกไปประมาณสามเท่าความกว้างของโลกให้เด็กๆดูว่าดาวเทียมที่ถ่ายทอดทีวีดาวเทียมจะอยู่ไกลแค่ไหน
ดาวเทียมพวกนี้จะโคจรในแนวเส้นศูนย์สูตรของโลก โคจรหนึ่งรอบเท่ากับหนึ่งวันพอดี เราจึงเห็นดาวเทียมพวกนี้อยู่ที่เดิมในท้องฟ้าเสมอเพราะมันโคจรไปพร้อมๆกับโลกหมุน
มีคนวาดรูปว่าถ้าเอาน้ำกับอากาศมาทำเป็นก้อนกลมๆเทียบกับโลกจะใหญ่แค่ไหนด้วยครับ:
![](https://2.bp.blogspot.com/-0l2iBSpomt4/U5h-zGbKhPI/AAAAAAAAOp8/jCLqtuNCnT8/s1600/air-water.jpg) |
สีฟ้าคือน้ำ สีขาวคืออากาศ (ที่ความหนาแน่นเท่ากับอากาศที่พื้นโลกครับ) |
จากนั้นเด็กๆก็ได้ดูรูปนี้ครับ ให้เด็กๆเดาว่าคืออะไร:
เด็กโตบางคนรู้ว่าคือทางช้างเผือก (
The Milky Way) ซึ่งก็คือกลุ่มดาวหลายแสนล้านดวง (รวมทั้งดวงอาทิตย์ของเราด้วย) โคจรรอบๆกันอยู่ กลุ่มดาวอย่างนี้เรียกว่าแกแล็คซี (
Galaxy) แกแล็คซีมีหลายรูปทรง แต่ทางช้างเผือกของเราจะแบนๆกลมๆคล้ายไข่ดาว เนื่องจากเราอยู่ขอบๆของไข่ดาวเมื่อมองเข้าไปหาศูนย์กลาง (ไข่แดง) เราจึงเห็นเป็นแนวแบนๆดังในรูปครับ (แสงสีแดงคือเลเซอร์ที่หอดูดาวส่องให้เห็นว่าศูนย์กลางของแกแล็คซีอยู่แถวไหนครับ)
ผมให้เด็กๆดูภาพแกแล็คซีอีกสองภาพ คือแกแล็คซีเพื่อนบ้านของเราชื่อแอนโดรมีดา (Andromeda Galaxy) ซึ่งมีหน้าตาเหมือนน้ำวน ศัพท์เทคนิคเรียกว่า Spiral Galaxy ครับ:
![](https://ci4.googleusercontent.com/proxy/d9dT0vgoAFqw84iYobo2CMyurxBh3vQsgwHkAS7aOJzgkDUrRywc5_FTZE4v1dD0HIoI36EWGEEwH37sHpalfm1xmUiwTJLX5B7XJUcuiLfEZwNLaAd6LDNDKbiQQbWS764WTWMVUSCXer8YnjRqYh1rirj-W3uqhkQku5bp9KulUZ7Ocyr-ICyDFI8i8GGBI1DngNLcUQGWvwU=s0-d-e1-ft#http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/98/Andromeda_Galaxy_(with_h-alpha).jpg/1280px-Andromeda_Galaxy_(with_h-alpha).jpg) |
แกแล็คซีแอนโดรมีดา |
อีกอันคือแกแล็คซีชื่อ NGC1300 เป็นแกแล็คซีแบบน้ำวนแบบมีแท่งสบู่อยู่ตรงกลาง ศัพท์เทคนิคเรียกว่า Barred-Spiral Galaxy ครับ สาเหตุที่ให้ดูเพราะนักวิทยาศาสตร์คาดว่าหน้าตาของแกแล็คซีทางช้างเผือกของเราน่าจะมีหน้าตาทำนองนี้เหมือนกัน ถ้าเราได้เห็นมันจากข้างนอกไกลๆจากด้านบน (หรือด้านล่าง) ไม่ใช่จากตามขอบที่เราอยู่
![](https://ci4.googleusercontent.com/proxy/_-W0y8pHKVKK8HeY8jpBPbFNIPP2u5K67BVAkRM_sMl7SgdBzleZH0xnqTQ_2FJRaCDJePMuh0_G_HS6yZWsNncmKXBZEwy52T-O8BSuSi6gSFdvIG54H61aVuEd9wxNfcIGBNM632nPdX5L4_x7JSyhOPSqIBDMVFpYHPwRL9dPXzG6SjBx37_FIcDMybCF0gFWqiXsMbzWEC7q-31RoPiS94nKThRmr2xvhKiqyynR=s0-d-e1-ft#http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/52/Hubble2005-01-barred-spiral-galaxy-NGC1300.jpg/1024px-Hubble2005-01-barred-spiral-galaxy-NGC1300.jpg) |
แกแล็คซี NGC1300 |
สำหรับเด็กประถมปลายผมย้ำให้เด็กๆฟังว่าแกแล็คซีแต่ละอันมีดาวเป็นแสนล้านดวงเลย และแต่ละดวงก็อยู่ห่างกันมาก ยกตัวอย่างเช่นดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากดาวที่ใกล้ที่สุดชื่อพร็อกซิมา เซ็นทอรี (
Proxima Centauri) อยู่ห่างไป 4.2 ปีแสง คือระยะทางที่แสงเดินทางใช้เวลา 4.2 ปี (เด็กๆได้รู้ว่าแสงเดินทางได้ประมาณ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ดังนั้นหนึ่งปีแสงจะเท่ากับประมาณเกือบสิบล้านล้านกิโลเมตร)
![](https://2.bp.blogspot.com/-NnJR0dSR56E/U5iEoF-a9NI/AAAAAAAAOqI/SSAfalVPnNQ/s1600/DSC03905.JPG) |
เปรียบเทียบตำแหน่งดวงอาทิตย์ว่าอยู่ที่ไหนของทางช้างเผือก (ที่แทนด้วยจานรองแก้ว) |
ต่อไปผมก็เริ่มคุยกันเรื่องการวัดอุณหภูมิร้อนเย็นด้วยเทอร์โมมิเตอร์กันครับ เพื่อให้เด็กประถมต้นหัดใช้อุปกรณ์วัดง่ายๆ และให้เด็กประถมปลายสังเกตอุณหภูมิระหว่างสัปดาห์เพื่อหาทางลดความร้อนให้โรงอาหารกัน
ผมเอาเทอโมมิเตอร์แบบที่มีใส้แอลกอฮอล์แดงๆให้เด็กเล็กดู ให้สังเกตว่าถ้าผมกำปลายแดงๆไว้ เส้นสีแดงในแท่งแก้วจะยาวขึ้นๆ ถ้าผมเอาไปจุ่มในน้ำเย็น เส้นสีแดงจะสั้นลงๆ
![](https://2.bp.blogspot.com/-XcX74TeMv98/U5kKw9BCqXI/AAAAAAAAOqc/bW63lpFExkA/s1600/DSC05309.JPG) |
เทอร์โมมิเตอร์แบบแอลกอฮอล์แดงครับ |
ผมถามเด็กประถมต้นว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เด็กๆเดากันว่าเกี่ยวกับการหดตัวขยายตัวเมื่อสีแดงร้อนเย็นแต่ยังสับสนว่าเมื่อไรจะหดตัวเมื่อไรจะขยายตัว สักพักเราก็ตกลงกันได้ว่าเจ้าแอลกอฮอล์สีแดงๆจะขยายตัวเมื่อร้อนขึ้น และจะหดตัวเมื่อเย็นลง อันนี้เป็นหลักการทั่วไปที่ของส่วนใหญ่จะขยายตัวเมื่อร้อนขึ้นและจะหดตัวเมื่อเย็นลง (ข้อยกเว้นที่สำคัญก็คือน้ำเย็นๆที่จะหดตัวมากที่สุดที่ 4 องศาเซลเซียส ถ้าเย็นกว่านั้นก็ขยายตัวอีก พอเป็นน้ำแข็งก็ขยายตัวขึ้นมาร่วม 10%)
ต่อไปผมก็เอาเทอร์โมมิเตอร์อีกแบบหนึ่งที่อาศัยหลักการที่ว่าโลหะเมื่อร้อนขึ้น กระแสไฟฟ้าจะวิ่งผ่านยากขึ้น เมื่อเย็นลง กระแสไฟฟ้าจะวิ่งผ่านง่ายขึ้น พอเราวัดความยากที่กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านชิ้นโลหะ เราก็จะรู้ว่าชิ้นโลหะเย็นหรือร้อนเท่าไร
![](https://4.bp.blogspot.com/-V6garzMZsPk/U5kNyPqib9I/AAAAAAAAOqo/NkXElVXHR0g/s1600/DSC05310.JPG) |
เทอร์โมมิเตอร์แบบวัดจากความต้านทานไฟฟ้าครับ |
![](https://2.bp.blogspot.com/-hZPZsDaDWoc/U5kNyr6p9TI/AAAAAAAAOqs/3ov69t0gW_w/s1600/DSC05311.JPG) |
เทอร์โมมิเตอร์แบบวัดจากความต้านทานไฟฟ้าอีกตัว |
ผมมีคำอธิบายเทอร์โมมิเตอร์เพิ่มเติมอยู่ที่ "
อุณหภูมิและอะตอม (+คอปเตอร์กระดาษสำหรับเด็กอนุบาล)" นะครับ ถ้าสนใจกดไปดูได้
จากนั้นเด็กประถมต้นก็ได้ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดน้ำร้อน น้ำเย็น มือ น้ำใส่น้ำแข็ง และอื่นๆกันครับ
ส่วนเด็กประถมปลายได้ดูวิดีโอประดิษฐ์เครื่องทำความเย็นจากน้ำแข็งและพัดลมครับ
เราจะทดลองทำแอร์แบบนี้ดูกัน
เด็กประถมปลายมีการบ้านไปบันทึกอุณหภูมิที่โรงอาหารในบริเวณที่สูงๆและต่ำๆด้วยครับ ว่ามีอุณหภูมิต่างกันอย่างไร และให้คิดว่าจะทำอย่างไรดีให้โรงอาหารเย็นขึ้น
สำหรับเด็กๆอนุบาลสาม ผมสอนกลเรื่อง "เหล็กลอยน้ำ" โดยเอาคลิปหนีบกระดาษโลหะมาลอยที่ผิวน้ำให้เด็กๆดูแล้วให้เด็กๆทำกันเองครับ เด็กๆก็ตื่นเต้นกันมากเพราะปกติเขาจะเข้าใจว่าเหล็กต้องจมน้ำ แต่พอสามารถลอยได้ก็ชอบเล่นกันครับ วิธีทำก็ดังวิดีโอนี้ครับ:
แล้วเด็กๆก็ลองทำกันเองครับ
สำหรับท่านที่สนใจ ผมบันทึกอธิบายปรากฏการณ์นี้เรื่องแรงตึงผิวที่ "
คุยกับเด็กเรื่องโมเลกุลน้ำ แรงตึงผิว สบู่และน้ำยาล้างจาน featuring ซูเปอร์คอนดัคเตอร์" นะครับ
ต่อไปนี้คือบรรยากาศและบันทึกการเรียนรู้ของเด็กๆครับ อัลบั้มเต็มอยู่
ที่นี่นะครับ
--
Posted By Blogger to
Interesting Things at 6/12/2014 10:24:00 AM