"บิลช็อก...โรมมิ่งรั่ว" วาระแห่งชาติ

13 views
Skip to first unread message

Phuket Island

unread,
May 5, 2012, 11:50:36 PM5/5/12
to Bhukit Island



คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ปลายปี 2554 หนุ่มนักศึกษาไทยรายหนึ่งเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลี 1 สัปดาห์ แต่เมื่อเดินทางกลับ ปรากฏว่าหนุ่มรายนี้ได้รับบิลเรียกเก็บค่าบริการสูงถึง 2 แสนบาท ต้นเหตุคือหนุ่มรายนี้พกไอโฟนไปด้วยและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เนื่องจากนิ่งนอนใจว่าได้สมัครแพกเกจเหมาจ่าย (Unlimited) ทำให้เข้าใจว่าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชนิดไม่อั้น
       
       หนุ่มนักศึกษารายนี้ต้
องกลับมาเจรจากับโอเปอเรเตอร์ เพื่อขอลดหย่อนค่าบริการในส่วนที่ต้องชำระ ผลการเจรจาคือนักศึกษารายนี้ต้องผ่อนชำระค่าบริการกับบริษัทเป็นเวลา 3 ปี เดือนละราว 5,000 บาท ทั้งหมดนี้เรียกว่าภาวะบิลช็อก (Bill Shock) หรือการถูกเรียกเก็บค่าบริการในอัตราที่สูงจนน่าตกใจ ซึ่งเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของการใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ (โรมมิ่งต่างประเทศ : International Roaming)
       
       ต้องยอมรับว่าพิษบิลช็อกจากบริการโรมมิ่งต่างประเทศเหล่านี้คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยในประเทศไทย น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เคยเปิดเผยว่า กสทช.ได้รับเรื่องร้องเรียนมากกว่า 118 กรณีตั้งแต่ปี 2552-2554 โดยมูลค่าค่าบริการที่มีการร้องเรียนทั้งหมดประมาณ 4,495,874 บาท
       
       นายวีรชัย พัชโรภาสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริการระหว่างประเทศบริษั
ทเอไอเอส ย้ำว่า โอเปอเรเตอร์ไทยไม่ได้รับผลดีจากเหตุโรมมิ่งรั่วที่เกิดขึ้น เพราะส่วนใหญ่ ผู้เสียหายจะเข้ามาเจรจากับโอเปอเรเตอร์เพื่อขอลดหย่อนการชำระ ซึ่งเฉพาะเอไอเอสเองนั้นต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่โอเปอเรเตอร์ต่างชาติเรียกเก็บจน "เข้าเนื้อ" คิดเป็นหลักล้านบาทต่อเดือน โดยมูลค่าบิลช็อกสูงสุดที่บริษัทเคยพบจากบริการโรมมิ่งต่างประเทศนั้นอยู่ที่หลักแสนบาท 
       

       การลดหย่อนนั้นไม่ได้ทำร้ายโอเปอเรเตอร์ฝ่ายเดียว แต่ผู้บริโภคตาดำๆ คือผู้ได้รับผลกระทบเต็มตัวจากบิลช็อคที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสายสัมพันธ์ในการเจรจาที่ดีพอ

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
แน่นอนว่าไทยไม่ใช่รายเดียวที่พบวิกฤติบิลช็อก แต่ประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกานั้นเปิดไฟเขียวแก้ปัญหาบิลช็อกอย่างเต็มที่ โดยดึงทุกฝ่ายทั้งภาครัฐบาลและเอกชนมาร่วมมือกันแก้ปัญหาจริงจังเหมือนเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ จนเกิดเป็นคำถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่หน่วยงานรัฐและเอกชนไทยจะร่วมมือเพื่อถอนพิษบิลช็อกอย่างเป็นรูปธรรม
       
       สหรัฐฯนั้นมองการแก้ปั
ญหาบิลช็อกทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว คณะกรรมการดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือเอฟซีซี (Federal Communications Commission) เริ่มกดดันให้โอเปอเรเตอร์สหรัฐฯเข้าร่วมโครงการส่งข้อความเตือนผู้บริโภคทางโทรศัพท์มือถือ เมื่อปริมาณข้อมูลและเวลาที่ใช้งานเริ่มเต็มเพดานแพกเกจที่ผู้ใช้สมัครไว้ หวังช่วยผู้ชื่นชอบการชมวิดีโอสตรีมมิ่งที่ไม่รู้ตัวว่าค่าใช้จ่ายมหาศาลกำลังรออยู่
       
       มาตรการแก้ปัญหาบิลช็อกในสหรัฐฯจะพร้อมจุดพลุอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกับโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐฯจะได้รับข้อความเตือนทุกบริการทั้งวอยซ์ ดาต้า และโรมมิ่งต่างประเทศ ก่อนที่จะถูกเก็บค่าบริการเพิ่มจากที่ซื้อแพคเก็จไว้

       
       เรื่องนี้ถือเป็นการเพิ่มงานให้กับโอเปอเรเตอร์ทุกค่าย เพราะในบรรดาโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐฯ มีเพียงทีโมบายล์ (T-Mobile) เท่านั้นที่มีระบบส่งข้อความเตือนผู้ใช้ครบเกือบทุกบริการตามที่เอฟซีซีกำหนด ขณะที่เวอไรซอน (Verizon) นั้นส่งข้อความเตือนเฉพาะดาต้าและโรมมิ่งต่างประเทศ และเอทีแอนด์ทีนั้นเตือนเฉพาะลูกค้าบริการดาต้า และสปรินท์ (Sprint) นั้นเตือนเฉพาะบริการโรมมิ่งต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลจากเอฟซีซีชี้ว่า ไม่มีโอเปอเรเตอร์รายย่อยในสหรัฐฯที่จัดทำระบบเตือนผู้บริโภค
       
       เหตุผลสำคัญที่เอฟซีซีต้องเร่งเครื่องสางปมบิลช็อก เป็นเพราะการสำรวจที่พบว่า 1 ใน 6 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐฯล้วนเคยมีประสบการณ์บิลช็อก โดยมากกว่าครึ่งเคยถูกเรียกเก็บค่าบริการมากกว่าระดับปกติถึง 50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,500 บาท
       
       อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าโอเปอเรเตอร์
ในไทยมีความเคลื่อนไหวเรื่องบิลช็อกและโรมมิ่งรั่วดีกว่าโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐฯ วันนี้ ทั้งดีแทคและทรูมูฟใช้วิธีแจ้งให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบว่ากำลังใช้งานบนเครือข่ายที่อยู่ในแพกเกจบริการหรือไม่ ซึ่งจะสามารถป้องกันค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ระดับหนึ่ง
       
       มีเพียงเอไอเอสที่เลือกใช้วิธีพัฒนาระบบแจ้งเตือนซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสมัครใช้งานหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใด โดยไม่เพียงแจ้งเตือนเมื่อแพ็กเกจที่สมัครไว้ใกล้หมดอายุ ผู้ใช้ยังตรวจสอบปริมาณการใช้งานดาต้าคงเหลือแบบเรียลไทม์ ที่น่าสนใจที่สุดคือระบบจะปิดกั้นหรือบล็อกการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เข้าสู่เครือข่ายที่ไม่อยู่ในแพกเกจ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้แพ็กเกจอันลิมิตมักถูกเก็บค่าบริการเพิ่มเมื่อใช้งานนอกเหนือจากพื้นที่ที่กำหนดไว้

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
เอไอเอสเรียกบริการนี้ว่า “AIS Worry Free Data Roaming” ซึ่งโอเปอเรเตอร์เบอร์หนึ่งของไทย พาคณะสื่อมวลชนชุดใหญ่กว่า 30 ชีวิต บินไปทดสอบบริการโรมมิ่งที่ประเทศญี่ปุ่น ให้เห็นกับตาด้วยตัวเองว่ามันเวิร์กและช่วยป้องกันโรมมิ่งรั่วได้จริงเท็จแค่ไหน
       
       ทั้งหมดทั้งปวง วันนี้หน่วยงานรัฐของไทยทำได้เพียงจัดทำคู่มือเล่มเล็กให้ความรู้เรื่องการใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติในชื่อ “มือถือไปเมืองนอก” หรือ Mobile Passport เพื่อแจกให้ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาป้องกันปัญหาบิลช็อก โดยแจกที่จุดประชาสัมพันธ์การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจุดทำพาสปอร์ตของกรมการกงสุล (แจ้งวัฒนะ ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลบางนา) ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มผู้เข้าถึงข้อมูลได้เท่านั้น
       
       ที่สำคัญ แนวโน้มโรมมิ่งรั่วยังตั้งเค้าเติบโตต่อเนื่อง เพราะความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ทั้งหมดล้วนมีปัจจัยเสริมจากความร้อนแรงของเครือข่ายสังคมอย่างเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ส่งให้ลูกค้าไทยมีสัดส่วนใช้งานบริการดาต้าโรมมิ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะการนำเครื่องไปใช้ในต่างประเทศ ทำให้ความเสี่ยงเกิดปัญหาโรมมิ่งรั่วเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้วันนี้ผู้บริโภคจะศึกษาเงื่อนไขการให้บริการพร้อมอัตราค่าบริการก่อนเดินทางออกนอกประเทศกันมากขึ้น แถมยังระมัดระวังการเลือกตั้งค่าเครือข่ายในต่างประเทศที่มีชื่อคล้ายคลึงกัน (เช่น airtell กับ aircell) 
       
       หากรัฐบาลมองเห็
นความสำคัญ และหยิบประเด็นบิลช็อกทั้งในประเทศและต่างประเทศขึ้นมาแก้ไขอย่างจริงเหมือนสหรัฐฯ โอเปอเรเตอร์ไทยและคนไทยนี้เองที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุด เพราะวันนี้ ในบรรดาคนไทยที่เดินทางออกนอกประเทศเฉลี่ยปีละมากกว่า 5 ล้านคน ซึ่งล้วนเป็นนักธุรกิจ นักเรียน และนักท่องเที่ยวนั้นหันไปแก้ปัญหาบิลช็อกด้วยการซื้อซิมกับโอเปอเรเตอร์ท้องถิ่น ขณะที่บางรายเลือกจำกัดการใช้งานไว้เฉพาะเครือข่ายไว-ไฟของโรงแรม ซึ่งถือเป็นการจำกัดโอกาสในการสื่อสารอย่างน่าเสียดาย

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
---------------------------------------------
       
      
 สิ่งควรทำเพื่อเลี่ยงบิลช็อก
       
       น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ให้ความรู้ไว้ว่า ผู้ใช้ที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศและนำโทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตไปด้วยนั้นมีข้อควรระมัดระวังคือ
       
       1. หากสมัครใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ หรือโรมมิ่ง จะต้องตั้งค่าเครื่องด้วยมือ หรือ Manual ให้เลือกรับสัญญาณเฉพาะเครือข่ายที่อยู่ในโปรโมชั่นเท่านั้น โดยระมัดระวังเพราะบางครั้งเครือข่ายในต่างประเทศมีชื่อคล้ายคลึงกัน
       
       2. ศึกษาข้อมูลการใช้บริการจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการ ศึกษาค่าใช้จ่าย โดยสอบถามรายการการคิดค่าบริการจากผู้ให้บริการ จากนั้นแจ้งกับเครือข่ายผู้ให้บริการเพื่อเปิดบริการที่ต้องการใช้ และปิดบริการที่ไม่ต้องการใช้

--
ขอต้อนรับสู่ vampires group ครับ
โพสต์ตามอัธยาศัยตามกฏกติกามารยาทของผู้บรรลุวุฒิภาวะทางอารมณ์
ไม่ปิดกั้นเสรีภาพใดๆทางความคิด
ขอให้มีความสุขในการรับและส่งจดหมาย
เน้นความสุขสนุกสนานเพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากหน้าที่การงาน
กฎข้อห้ามของกรุ๊ป
**ห้ามส่งเมลที่เป็นเมลลูกโซ่ ที่ก่อให้เกิดความรำคาญใจ**
**ห้ามส่งเมลการเมือง**
**ห้ามส่งเมลโฆษณา หรือเมลหาผลประโยชน์ส่วนตน**
มีปัญหาส่งเมลมาที่ keyh...@gmail.com, kvon...@gmail.com
 
ยิ้ม..ที่เพื่อนในกรุ๊ปมีความสุข..
 
๐ ส่งเมลล์เข้ากลุ่มได้ที่ : vampire...@googlegroups.com
๐ ต้องการสมัครเป็นสมาชิก : vampires_mad...@googlegroups.com
่๐ ต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิก : vampires_madm...@googlegroups.com
 
๐ ต้องการดูเมลล์กลุ่มที่หน้าี่เวป : http://groups.google.co.th/group/vampires_madmax?hl=th
 
๐ ไม่ได้รับเมล์อีกกดลิงค์นี้ http://groups.google.com/groups/bounced
 
ขอให้มีความสุขกับการแบ่งปัน
^o^vampires group^o^

Reply all
Reply to author
Forward
0 new messages