ได้เที่ยวฟรี!! เพราะเป็นแฟนเพจของ ททท.อยุธยา (Tat Ayutthaya) www.facebook.com/pages/Tat-Ayutthaya/154497041282865 ก็เลยได้รับสิทธิพิเศษดีๆ อย่างนี้ต้องคลิก Like ให้เลยค่ะ
กิจกรรม "คาราวานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ไหว้พระ เวียนเทียนยามค่ำคืน" จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ในวันอาสาฬหบูชาที่ 2 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมานี้
มีความประทับใจในการท่องเที่ยวมากมาย ที่มาแชร์ให้เพื่อนๆ ที่อยากไปเที่ยวแบบนี้บ้างค่ะ
จุดนัดพบของเรา คือ ที่ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ศาลากลางเก่า) ในเวลา 08.00 น. มีอาหารเช้าไว้คอยต้อนรับด้วย เลยกินข้าวต้มปลาไป 2 ชาม ตามด้วยปาท่องโก๋ ตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ และมี AIS สปอนเซอร์ใจดี คอยแจกน้ำดื่มให้ตลอดการเดินทาง ใจดี๊ ใจดี
พอลงทะเบียนเสร็จ ก็ได้รับแจกเสื้อยืดคาราวานสวยๆ เป็นที่ระลึก ไปสวมใส่กันคนละตัว เพื่อจะได้เป็นทีมเดียวกัน
เวลา 09.00 น. ท่านผู้อำนวยการ ททท.พระนครศรีอยุธยา (นายปราโมทย์ ทรัพย์เย็น) ทำพิธีกล่าวต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง และตีธงปล่อยขบวนคาราวานด้วยตัวท่านเอง (เป็นปลื้มค่ะ)
ที่แรกที่เราจะไป คือ "วัดพระขาว" อ.บางบาล เพื่อไปสักการะ "หลวงพ่อขาว" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์โบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีความเชื่อว่าหากขอพรได้สมประสงค์แล้วให้นำไข่ต้มมาถวายแก้บน
และนมัสการสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ของ "หลวงปู่ทิม" เกจิชื่อดังที่ได้รับสมญานามว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความเมตตา" ตั้งอยู่ในมณฑปลายรดน้ำ สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง
ภายในตกแต่งด้วยศิลปะลายรดน้ำ ปราณีตงดงาม ทุกมุมมองตั้งแต่พื้นไปจรดเพดาน
ที่ไม่อยากให้พลาด คือ "จุดถ่ายรูป" ที่ "เรือนไทยลายกำมะลอ" แบบว่าอลังการมากๆ มีมุมให้โพสท่าถ่ายรูปเยอะมาก น่าจะเต็มพื้นที่เรือนไทยเลย ล่ะ ได้อารมณ์ประมาณว่า อยากเป็นนางเอกลิเกอ่ะ
ด้านหลังวัดติดริมแม่น้ำอากาศเย็นสบาย มีที่ให้อาหารปลา ชื่อ "มัจฉาธานี" เป็นแพริมน้ำขนาดใหญ่ มีทางเดินยาวเลียบริมฝั่งแม่น้ำ มีปลาหลายชนิด เช่น ปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลากระแหทอง ปลากราย ปลาสังกะวาด ปลาเทโพ ปลาเค้า ฯลฯ ให้อาหารปลาได้ตามชอบใจมีเครื่องให้อาหารปลาหยอดเหรียญด้วย
เสร็จจากไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว ก็ได้เวลาล้อหมุนไปเที่ยวแห่งที่ 2 คือ "บ้านขุนพิทักษ์บริหาร" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "บ้านเขียว" บ้านของท่านเจ้าพระยาในสมัยก่อน เป็นบ้านไม้สักทอง แต่ทาสีเขียว ตามความชอบของเจ้าของบ้าน
ด้วยกิตติศัพท์ร่ำลือว่าเป็น "บ้านผีสิง" ทำให้มีรายการทีวีหลายรายการมาถ่ายทำ และได้พบกันพลังงานพิเศษบางอย่างในบ้านหลังนี้
ต่างก็เล่ากันไปต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่ได้เจอ อย่างเช่น มีคนมาสะกิดข้างหลังทั้งที่ไม่มีใครอยู่ เห็นเงาแว็บไปแว็บมาเหมือนแขนคนใส่เสื้อแขนยาวแบบเสื้อราชประแตน ฯลฯ ทำให้เป็นข่าวโด่งดังในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่ผ่านมา
วันนี้มากันเป็นหมู่คณะเลยรอดตัวไป ไม่น่ากลัวมาก แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวังนิดนึง เพราะตัวบ้านเก่ามากแล้ว เดี๋ยวเผลอไปทำของเค้าพัง แล้วเจ้าของจะตามมาว่าเอาได้ เหอ เหอ
สักพักเราก็ออกจากบ้านเขียว มุ่งหน้าไป "ตลาดลาดชะโด" ที่อยู่ไม่ไกลกันใน อ.ผักไห่ เพื่อไปชมขบวนเรือ "แห่เทียนพรรษาทางน้ำ" ณ คลองลาดชะโด
ระหว่างทางที่เดินไปตลาดน้ำลาดชะโด ก็ได้บังเอิญพบกับ Unseen Thailand อีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ อาคารเรียนไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อยู่ที่ "โรงเรียนวัดลาดชะโด"
ดูเอาเองแล้วกันว่าระเบียงยาวสุดสายตาขนาดไหน เห็นแสงสว่างอีกฝั่งอยู่ไกลลิบๆ โน่น
เดินเข้าไปในตลาดลาดชะโด เป็นอาคารไม้เก่าแก่อายุเป็น 100 ปี มีของกิน ของฝาก ให้ช้อปกันมากมาย ที่ขึ้นชื่อที่สุดเป็นอาหารจำพวกปลา เพราะที่นี่มีปลามากมายหลายชนิดให้จับกันไม่หวาดไม่ไหวในลำคลอง
อาหารที่น่าลิ้มลอง เช่น ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลาสร้อย ต้มเค็มปลาตะเพียน หมี่กรอบโบราณ และอย่าลืมปลาแดดเดียว ซื้อกลับบ้านหรือเป็นของฝาก แหล่มเลย :)
ขบวนแห่เทียนพรรษาทางน้ำ มาถึงประมาณเที่ยงกว่าๆ เรือแต่ละลำประดับตกแต่งอย่างสวยงาม มีไอเดียกิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร บางลำก็เป็นเรือโบราณหาชมยาก ที่นำมาโชว์กันในงานบุญใหญ่ครั้งนี้
เป็นประเพณีเก่าแก่ที่จัดต่อเนื่องกันมายาวนาน ของชาวชุมชนลาดชะโด ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มาชมกันจนเต็มแน่นสองฝั่งคลอง
ทีวีมาถ่ายทำกันเกือบทุกช่อง บังเอิญได้พบกับ "Mr.แดเนียล" มาทำรายการ "ฝรั่งหลงกรุง" ทางช่อง ThaiPBS ด้วย
ขบวนเรือผ่านไปแล้ว ได้เวลาอาหารกลางวัน ก็ฝากท้องไว้กับแม่ค้าสาวผักไห่คนสวย ใจดีนำก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ มาแจกผู้ที่มาร่วมงานทุกคน
เลยไม่ได้อุดหนุนแม่ค้าที่อยู่ในตลาดลาดชะโดเลย เพราะมัวเพลิดเพลินกับตลาดน้ำริมคลองที่มีทั้งเรือขนมหวาน เรือข้าวโพดคั่ว เรือผลไม้ เรือกาแฟโบราณ และอื่นๆ อีกมากมาย
ขึ้นฝั่งกลับเข้าไปในตลาดแวะดูหนังที่ "วิกลาดชะโด" ทำให้รู้ว่าตลาดลาดชะโดถูกใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายหนังหลายเรื่อง อาทิ บุญชู รักข้ามคลอง ดงดอกเหมย ความสุขของกะทิ เป็นต้น
ร่วมกิจกรรมถวายเทียนพรรษาที่ "วัดลาดชะโด" ก่อนเดินทางตามรอยพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ "ทุ่งมะขามหย่อง"
เดินทางมาถึง "ทุ่งมะขามหย่อง" ประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง สักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย และถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน ฝนตกปรอยๆ
บรรยากาศเย็นสบาย เพราะมีบึงน้ำขนาดใหญ่โอบล้อม ใช้เป็น "พื้นที่แก้มลิง" เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงท่าน
ไปชมหอจดหมายเหตุ ที่อยู่ในบริเวณทุ่งมะขามหย่อง เดินไปได้ไม่ไกลมาก เป็นส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการ ห้องชมวิดีทัศน์และรูปภาพประทับใจในวันที่ในหลวงท่านเสด็จมาที่นี่
หากใครพลาดมารับเสด็จในวันนั้น ก็มีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมอุปกรณ์ประกอบฉากเป็นธงสีต่างๆ ติ๊ต่างว่าเราก็ได้มารับเสด็จกะเค้าเหมือนกัน
ก่อนกลับสังเกตเห็นป้ายวัดระดับน้ำที่เคยท่วมในอดีต เห็นแล้วใจหายที่ระดับน้ำท่วมของปีที่แล้ว (2554) สูงอย่างน่าตกใจ ภาวนาขอให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีกเลย
บ่ายคล้อยประมาณ 4 โมงครึ่ง ได้เวลาเดินทางไปร้านอาหาร เพื่อล่องเรือดินเนอร์ ชมทัศนียภาพทางน้ำ ของ จ.พระนครศรีอยุธยา (เป็นเวลาที่รอคอย อิอิ)
เดินทางมาถึงร้านอาหาร "เรือนรับรอง" เพื่อลงเรือไปประทานอาหาร ที่จัดเตรียมไว้ให้ หน้าตาน่ากินทุกอย่าง มีทั้ง ขนมจีนแกงเขียวหวานปลากราย ไก่ทอด ลาบหมู น้ำพริกลงเรือ ปลาหมึกผัดผงกระหรี่ ปลาทับทิมนึ่ง และผลไม้ ททท.อยุธยาจัดเต็มค่ะ
ระหว่างนั่งรับประทานอาหาร มีน้องไกด์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ ททท.อยุธยา คอยชี้ชวนให้ดูแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ริมน้ำ พร้อมเล่าประวัติความเป็นมา และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
สถานที่สำคัญหลายแห่งที่ผ่านตาในมุมมองที่ต้องล่องเรือเท่านั้นจึงจะเห็นได้ ไม่เหมือนตอนที่ขับรถเที่ยว บรรยากาศจะไม่เหมือนกัน เช่น ที่วัดพุทไธศวรรย์ โบสถ์ นักบุญยอแซฟ วัดนางกุย วัดขุนพรหม คานต่อเรือ บ้านฮอลันดา บ้านคู่สร้าง-คู่สม
และที่สวยติดตาตรึงใจที่สุด เห็นจะเป็น วิวริมน้ำของ "วัดไชยวัฒนาราม" ที่สวยโดดเด่นเป็นไฮไลท์ในการล่องเรือครั้งนี้
บรรยากาศยามเย็นริมน้ำ ของ จ.พระนครศรีอยุธยา สวยงามเหมือนอยู่ในความฝัน บ้านเรือนเก่าแก่ที่ดัดแปลงเป็นบูติคโฮเต็ล โฮมเสตย์ ก็ทำได้กลมกลืนกับเมืองเก่า ไม่ทำให้รู้สึกขัดตา และอยากมาพักในคราวหน้า
เราขึ้นเรือกันที่ท่าเทียบเรือ "วัดพนัญเชิงวรวิหาร" เพื่อสักการะหลวงพ่อโต และเวียนเทียนยามค่ำคืน ในวันอาสาฬหบูชา
เวียนเทียนเสร็จก็ลงเรือล่องกลับมายังร้านอาหาร "เรือนรับรอง" ที่จอดรถเอาไว้ เพื่อเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข
: ขอขอบคุณเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และผู้ที่ส่งต่อเมลนี้มาให้ ทุกท่านครับ
: ถ้าคุณชอบการเดินทาง ท่องเที่ยว มาร่วมรับและแบ่งปันเรื่องราว ประทับใจกับเราครับ "ชอบเที่ยวไทย"
: สมัครรับเมล ส่งเมลเปล่า (เมลเปล่าๆ ไม่มีข้อความใดๆ) ส่งไปที่ ilovetourth...@googlegroups.com
: ยกเลิกรับเมล ส่งเมลเปล่า (เมลเปล่าๆ ไม่มีข้อความใดๆ) ส่งไปที่ ilovetourtha...@googlegroups.com
: แบ่งปันเรื่องราว ความประทับใจ หรือข่าวประชาสัมพันธ์ เมลมาที่ ilovet...@gmail.com เท่านั้นนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++