ทริปนี้เป็นการเดินทางสู่ภาคอีสาน มีวันหยุดสั้น ๆ สองวัน ก่อนหน้านี้คิดกันอยู่ว่าจะไปไหนดี และแล้วก็จบที่ไปดูดอกกระเจียวที่ชัยภูมิ วันนั้นตื่นเช้าขึ้นมาดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้พี่สอกำลังโปรโมท "งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม จ.ชัยภูมิ ประจำปี 2555" พอดี ซึ่งงานเริ่ม 1 มิถุนายน - 31 สิงหาคม ดูภาพแล้วดอกกระเจียวบานสะพรั่ง หุหุ (ภาพเก่าเมื่อปีเก่าก่อน ๆๆๆๆ) ก็เลยตัดสินใจไปมันซะเลยดีกว่า กะว่าคงได้ "หยิบหมอก หยอกกระเจียว" กะเค้าบ้าง
เราเดินทางผ่านเส้นทางสระบุรี แวะทานอาหารกันที่ร้าน "บ้านสวน" คนเยอะเหมือนเดิม อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อเช้า ได้กาแฟเป็นเพื่อนระหว่างเดินทาง แถมด้วยเค้กบ้านสวนตุนไปอีก 2 กล่อง เรื่องของเรื่องกลัวกลางคืนจะหิวไม่มีอะไรรับประทาน (มันจะกันดารขนาดน๊านเชียวหรือ 55)
ไปถึงเอาบ่าย ๆ แบบไม่รีบร้อน ตรงไปตามทางที่บอก อ. เทพสถิต มีป้ายโฆษณาการท่องเที่ยวชมดอกกระเจียวเป็นระยะ ๆ พอถึงทางแยกจะเข้าป่าหินงามกับไทรทอง ตัดสินใจเข้าป่าหินงามก่อนเพราะดูแล้วระยะทางใกล้กว่า เคยมาสองครั้งกับเพื่อน ๆ สมัยเรียน แต่นานม๊าก คุ้น ๆ ไม่แน่ใจว่ามาที่อุทยานป่าหินงามหรืออุทยานไทรทอง จำได้ว่าสมัยก่อนสามารถเข้าไปใกล้ชิดกับทุ่งกระเจียวได้ สามารถเดินเข้าไปได้ทุกอณู พอมาถึงความแตกต่างที่เห็นได้อย่างแรกคือเค้าทำทางสำหรับให้เราเดิน ถ่ายรูปคู่กับดอกกระเจียวตามจุดที่จัดไว้ให้ คงเพราะคนเข้าไปเที่ยวเยอะ ๆ แล้วจะทำให้กระเจียวบอบช้ำ อย่างที่สองทำไมดอกกระเจียวมันน้อยนิดเยี่ยงนี้ เหอ ๆ
"อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม" เดินถ่ายรูปพร้อมกับชมดอกกระเจียวน้อย ๆ ที่เพิ่งผลิดอกบานส่วนใหญ่เป็นสีชมพูแทรกอยู่ในทุ่งหญ้า มีหินรูปร่างต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเกิดจากการเซาะของดินและหินทรายมานานนับล้านปี มาที่นี่ไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิด ยังมีนักท่องเที่ยวทยอยตามกันมาไม่ขาดสาย แดดรำไร ๆ ไม่มีท่าทีว่าฝนจะตก ใกล้ ๆ กัน มีจุดชมวิว "ผาสุดแผ่นดิน" ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเพย ชมแนวหน้าผาและชะง่อนหิน นั่งพักสัมผัสลมเย็น ๆ ที่พัดผ่าน
คุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เค้าบอกช่วงนี้ต้นมิถุนากระเจียวยังออกน้อย ปลาย ๆ เดือนน่าจะเต็มทุ่ง เรามาเร็วเกินไป คิดในทางบวกคือถ้ามาช่วงมันเต็มทุ่งคนคงเยอะ มาเอาช่วงนี้คนไม่เยอะ ก็ไม่ต้องแย่งที่พักที่กิน ^^
ถ้ามาดูดอกกระเจียวแบบสบาย ๆ ก็มาที่ป่าหินงามได้เลย มีทางเดินตามจุดต่าง ๆ เป็นแนวยาวเข้าไปด้านใน ช่วงที่ไปเห็นแต่ดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นประปราย
จากอุทยานป่าหินงาม เดินทางกันต่อ ไปอุทยานแห่งชาติไทรทอง ฟ้าเริ่มครึ้ม แวะทานอาหารกันที่ร้าน "แช้มป์ผัดไท" คุยกับเจ้าของร้านเลยถามทางกันหน่อย แนะนำให้เราไปอีกทางที่ใกล้กว่า และแล้วก็ไปตามทางที่เค้าบอก เงียบสงัด ไปถึงสุดทางเป็นทางลูกรังขึ้นไปไม่กล้าเสี่ยง กลับไปทางปกติดีกว่า โชคดีที่กลับฝนเทลงมาถ้าไปต่อไม่รู้จะเป็นยังงัย
และแล้วก็มาถึงอุทยานแห่งชาติไทรทองจนได้ เย็นเลย ไปดูลาดเลาก่อน เจ้าหน้าที่อุทยานบอกเหมือนเดิมว่าดอกกระเจียวยังน้อยอยู่ เอิ๊ก ๆ ไม่เป็นไร กลับไปนอนเอาแรงที่ใกล้ ๆ ทางเข้าอุทยาน มีที่พักราคาไม่แพง แถม wi fi ฟรีอีกตะหาก มื้อค่ำจบลงที่แจ่วฮ้อนตรงทางเข้าอุทยาน แล้วก็กลับที่พักนอนเอาแรงไว้สำหรับวันพรุ่ง :)
..................
เช้าวันใหม่เดินทางสู่ "อุทยานแห่งชาติไทรทอง" เอเริ่มไม่คุ้นเหมือนไม่เคยมา แสดงว่าเราเคยมาแต่ป่าหินงามเป็นแน่แท้ มาจนสุดทางที่มีป้ายบอกว่าไปทุ่งบัวสวรรค์ มันต้องผ่านธารน้ำระยะสั้น ๆ ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อน รถเก๋งไปไม่ได้แน่นอน (ทางอุทยานเค้ามีรถให้เช่า) ต้องรถกระบะ ลองหยั่ง ๆ ดูไลน์กันก่อน ผ่านไปได้แบบลุ้น ๆ เหมือนกัน แถว ๆ ธารน้ำมีผีเสื้อบินกันให้ว่อน บ้างกำลังหากิน บ้างก็พลีชีพ เวลารถผ่านมันก็คงถูกทับแบนกันเป็นแพ แอบถ่ายขณะมันยังมีชีวิตมาหนึ่งตัว
พอพ้นลำธารขับรถกันมาเรื่อย ๆ ประมาณแปดโมงเช้า เค้าว่ากันว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวท่าจะจริง อุณหภูมิขณะนั้นประมาณ 22 - 23 องศา หมอกเริ่มหนาตา ค่อย ๆ ขับกันไป กลัวมีรถสวนแต่ ณ ขณะนั้นไม่มีรถผ่านมาเลย มาถึงสุดทางลาดยางต่อไปอีกหน่อยทางไม่ค่อยดีไม่นานนักก็ถึงจุดหมายปลายทาง...
มาถึงบริเวณลานกางเต้นท์ และที่พักเป็นหลัง ๆ ของอุทยานไทรทอง หมอกยังหนาตา บรรยากาศสุด ๆ ไม่คิดว่าจะมาเจอหมอกแบบนี้ ชอบม๊าก มีคนมาก่อนหน้าเราเห็นมีรถจอดอยู่สองคัน
นั่งพักซึมซับบรรยากาศแถวนี้อยู่ชั่วครู่ เห็นทางลงไปชมทุ่งบัวสวรรค์แล้ว เตรียมอุปกรณ์ยังชีพก่อน ดูระยะทางคงหลายเหนื่อย เจ้าเค้กบ้านสวนยังอยู่ดีทั้งสองกล่อง น้ำขวดเล็กอีกสองขวดที่ติดมาจากที่พัก โอเค พร้อม ^^
เดินลงมาจากบันไดทางเดินสบาย ๆ ไม่นานนักก็มาถึงผาพ่อเมือง ไม่ได้เก็บภาพไว้กะว่าขากลับแล้วกัน เดินตามป้ายไปเรื่อย ๆ จนถึงผาหำหด หยุดพักซักแป๊บ เก็บภาพซักหน่อย หมอกเป็นสาย ๆ พัดลอยมาตามลม ว๊าววว .... มีป้ายอธิบายถึงผาหำหด จำข้อความแบบสั้น ๆ ว่า จริง ๆ มันไม่ใช่คำหยาบอะไร เอาไว้เรียกเด็ก ๆ ประมาณนี้ อิอิ ที่เหลือจำไม่ได้ สุดท้ายก็ลองพิสูจน์ความเสียวดูบ้าง
ฝนตกเมื่อวันวาน เช้านี้ทางเลยแฉะ ๆ นิดหน่อย แต่พอเดินได้ไม่ลื่นมาก ลืมไป ความชื้นกับผืนป่าทำให้ยุงแมลงเยอะมาก คันคะเยอทั้งแขนขา อุตส่าห์เตรียมครีมทากันยุงมาด้วยเก็บไว้ในรถ ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย สายไปจริง ๆ ฝากรอยไว้เต็มไปหมด
เส้นทางสู่ทุ่งกระเจียวหรือทุ่งบัวสวรรค์ เรายังเพลิดเพลินกับธรรมชาติรอบ ๆ ชนิดอื่น ๆ ดอกไม้ป่า ใบไม้ ใบหญ้ารูปทรงต่าง ๆ แมลงสีสวย ๆ น้ำค้างยอดหญ้า เห็นแล้วมันช่างสดชื่นจริง ๆ นะ ^^
ระหว่างทางจะพบต้นปรงสวย ๆ ขนาบสองข้างไม่แน่ใจว่ามันขึ้นเองหรือนำไปปลูก ดอกไม้สีขาวม่วงสวย ๆ โผล่มาจากพื้นดิน ใยแมงมุมกับหยดน้ำค้าง
และแล้วเราก็ได้มาเห็นทุ่งบัวสวรรค์ที่ อช. ไทรทอง มิเสียแรง คิดว่าจะมีน้อยกว่าที่ป่าหินงาม ดูแล้ว น่าจะเยอะกว่าเพราะมีหลายทุ่ง เริ่มจากทุ่งที่ 3 - 4 - 2 - 1 แต่ละทุ่งต้องเดินเลี้ยวเข้าไปตามป้าย ชอบที่นี่ ยังเป็นธรรมชาติแม้จะเดินทางลำบากกว่าแต่ก็รู้สึกว่าชีวิตมันมีรสชาดดี อิอิ เค้าบอกว่าระยะทางไปกลับประมาณ 4 กม. เดินจนครบทุกทุ่ง ไหน ๆ ก็มาแล้ว
เราอยู่กันที่ทุ่งบัวสวรรค์ อช. ไทรทอง จนเที่ยง ๆ หมอกค่อย ๆ จางลง ครบอรรถรสทุกอย่าง เข้าไปในทุ่งที่ 2 พบดอกกระเจียวสีขาวหรือที่เรียกว่า ดอกเทพอัปสร ไม่กี่ดอกเพิ่งจะเริ่มโผล่ ๆ เอามาเป็นที่ระลึกซัก 1 ดอก
สายหมอกหยอกกระเจียว เก็บภาพมาฝากค่ะ :)
...............
เป็นอีกทริปที่มึความสุขมาก ๆ หลังจากกลับจากดูทุ่งบัวสวรรค์เป็นที่เรียบร้อย แวะน้ำตกไทรทองให้ชุ่มชื่นหัวใจอีกซักนิด ตอนแรกกะจะไปมอหินขาวด้วย แต่ด้วยระยะทาง เวลา กับฟ้าที่ไม่เป็นใจเลยไว้โอกาสหน้าละกัน .... ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชม
: ขอขอบคุณเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และผู้ที่ส่งต่อเมลนี้มาให้ ทุกท่านครับ
: ถ้าคุณชอบการเดินทาง ท่องเที่ยว มาร่วมรับและแบ่งปันเรื่องราว ประทับใจกับเราครับ "ชอบเที่ยวไทย"
: สมัครรับเมล ส่งเมลเปล่า (เมลเปล่าๆ ไม่มีข้อความใดๆ) ส่งไปที่ ilovetourth...@googlegroups.com
: ยกเลิกรับเมล ส่งเมลเปล่า (เมลเปล่าๆ ไม่มีข้อความใดๆ) ส่งไปที่ ilovetourtha...@googlegroups.com
: แบ่งปันเรื่องราว ความประทับใจ หรือข่าวประชาสัมพันธ์ เมลมาที่ ilovet...@gmail.com เท่านั้นนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++