จากที่กล่าวมาข้างต้นผมจึงขอนำเสนอเทคโนโลยีที่น่าจะเหมาะสมที่จะใช้เบื้องต้น
(ถ้ามีข้อมูลเพิ่ม ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง)
- ภาษา Java สำหรับสร้าง business process
- - เป็นภาษาที่มีความยืดหยุ่นสูงสุด สามารถวิ่งได้ทั้งบน Windows,
Linux, Mc ใช้ทำงานได้ทั้งบนมือถือ บนคอมพิวเตอร์ทั่วไป และบน Server
ขนาดใหญ่
- - เป็นภาษาที่ support ทั้งการเขียนโปรแกรมธรรมดา และการเขียน server
ต่างๆ โดยมี API หรือ module ที่ใช้เฉพาะงาน support อยู่เป็นจำนวนมาก
- - เป็นภาษาที่แยกงานออกเป็นชิ้นๆ (class)
ที่สามารถนำมาประกอบเรียกใช้งานรวมกันในภายหลัง
ทำให้ง่ายต่อการแก้ไขข้อผิดพลาดเฉพาะจุด
และสามารถนำมาประกอบต่อยอดการพัฒนาขึ้นไปได้เรื่อยๆ
- - สามารถใช้งานร่วมกับฐานข้อมูลได้แทบจะทุกตัวที่มีอยู่ในตลาด
- - สามารถใช้สร้าง framework หรือกรอบการพัฒนา
ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาแต่ละคน สามารถพัฒนา application เพื่อใช้กับ
application หลักได้อย่างอิสระภายใต้กรอบ
- - เป็นภาษาที่เหมาะกับการเขียนระบบงานที่มีขนาดใหญ่
เพราะสามารถแยกย่อยออกเป็น module และนำมารวมกันภายหลัง
- XML สำหรับโครงสร้างของข้อมูล
- - เป็นโครงสร้างข้อมูลที่อ่านเข้าใจได้ง่าย และแก้ไขได้ง่าย
- - สามารถส่งผ่านระบบ Internet ออกไปได้ เพราะเป็น text mode
- UML สำหรับการออกแบบ
- - เป็นภาษาที่เหมาะกับการออกแบบโครงการขนาดใหญ่
สามารถใช้ครอบคลุมทั้งการเก็บข้อมูล การออกแบบเชิง OOP การเขียนโปรแกรม
การทดสอบ การติดตั้ง
หากท่านมีรายละเอียดอย่างอื่นขอความกรุณานำเสนอ
เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจต่อไป
ความต้องการทั้งหมดที่หลายคนได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับระบบบัญชีนั้น
เนื้อแท้แล้วไม่ใช่สิ่งที่เป็นงานด้านบัญชี แต่โดยมากจะเป็น requirement
ของฝ่ายบริหาร หรือไม่ก็ฝ่ายการตลาดที่มักจะมี requirement แปลกๆ
จนยากแก่การให้บริการจนหนำใจ โดยเฉพาะในเร่องของการแสดง report
ที่แทบจะหาจุดพอดีของทุกองค์กรไม่ได้
สื่งที่จะมีผลกับงานด้านบัญชีจะมีเพียงจุดเล็กๆ ตรงส่วนแกน ซึ่งเป็นเพียง
'สมุดบัญชีรายวัน' เท่านั้น
และนั่นคือขั้วหัวใจที่เราจะต้องควบคุมการเข้าออกของจุดนี้ให้แม่นๆ
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของแต่ละ module ที่ไม่มีผลกระทบมาถึง
'สมุดบัญชีรายวัน' ตรงนั้นจึงจะเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน และมี process
อีกหลายๆ อย่างที่ต้องคำนึงถึง
การติดต่อกับระบบฐานข้อมูล แม้ว่าเราจะเล็งไปที่กลุ่มของ open source
ด้วยกัน แต่เราต้องไม่ลืมว่า องค์กรหลายแห่งเสียเงินเสียทองซื้อ DBMS
ราคาแพงๆ มาแล้ว และเป็นเรื่องยากหากเราจะแนะนำให้เขาเอาไปโยนทิ้ง ...
เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะเกี่ยวข้องกับ DB
จะต้องตรงไปตรงมาถึงระดับฐานรากของ DBMS ที่ทุกค่ายมีอยู่ร่วมกัน
มันจึงจะสามารถรองรับได้กับทุกระบบ
เล็งขั้วหัวใจอย่างเดียวเลยครับ รายละเอียดอย่างอื่นต่อให้สนอง users
ได้แค่ไหนก็ตาม หากไม่สามารถปฏิบัติงานพื้นฐานที่ต้องทำได้ล่ะก็
จบกันครับ :)
On Dec 14, 2:16 pm, Chalermkiat <chalermkiat.kaewsa...@gmail.com>
wrote:
ความเรียบง่าย มักจะมีความซับซ้อนแฝงอยู่ภายในเสมอ
อิอิ คิดมาสดๆ เลยนะเนี่ย
On Dec 14, 2:37 pm, "Zhuq!" <viruzh...@gmail.com> wrote:
--
You received this message because you are subscribed to the Google Groups "AcKernel" group.
To post to this group, send email to acke...@googlegroups.com.
To unsubscribe from this group, send email to ackernel+u...@googlegroups.com.
For more options, visit this group at http://groups.google.com/group/ackernel?hl=en.
ส่วนที่คุณ Dreamer
บอกว่าความเรียบง่ายมักจะแฝงความซับซ้อนอยู่นั่นก็จริงครับ :D
เพราะกว่าจะทำให้ทุกอย่างมันดูเข้าใจง่ายๆ นี่ คิดกันสาหัสเลยครับ :P
โดยเฉพาะโปรแกรมประเภทนี้ที่ต้องสื่อสารกับ users ให้เข้าใจได้ง่าย
รับรองว่าไม่หมูแน่นอน :)
> ...
>
> read more >>
> 2009/12/14 Dreamer <asuwanna...@gmail.com>
> ...
>
> read more >>
ขอเรียกน้อง will ตามคุณ Zhuq! นะครับ
สำหรับ model ที่น้องwill นำเสนอก็คือ เราทำ web server
ไว้แล้วไปเรียกใช้ web service ซึ่งอาจจะอยู่กับฐานข้อมูล หรือแยกกันอยู่
มาใช้งาน ถูกต้องไหมครับ ซึ่ง web server ก็จะทำหน้าที่เป็น UI
ให้กับระบบต่อไป ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นข้อเสนอที่ดี
แต่อยากให้คิดถึงอีกนิดหนึ่งตรง Security ระหว่าง web server กับ web
service ว่าจะมีวิธีแก้ไขตรงนี้หรือไม่ พอจะเอา SSL มาใช้ร่วมด้วยก็จะดี
ข้อเสียของภาษา Java ที่ผมเองก็หนักใจอยู่มากก็คือ
มันเรียนรู้ได้ค่อนข้างยาก
และกว่าจะหาคนที่จะเก่งพอที่จะเขียนได้มาก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาคนพอสมควร
ซึ่งตรงกันข้ามกับ Python ที่น่าจะพัฒนาคนเข้ามาใช้งานได้ง่ายกว่า
แต่ภาษา Python เองก็มีข้อน่ากังวลอยู่จุดหนึ่งในเรื่องของความเร็ว เพราะ
python เป็น interpreter จะทำงานได้ช้ากว่า java มากพอสมควร
การที่จะนำมาใช้เขียน project ใหญ่ๆ
ที่มีความซับซ้อนสูงจะทำให้ระบบช้าลงหรือไม่อย่างไรครับ แต่ถ้า project
มีการใช้งานไม่บ่อยมากนัก python ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเยอะ
แต่ก็ได้ยินมาว่า Python สามารถนำไปแปลงเป็น bytecode แบบ java
ซึ่งจะทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% --> JPython อีกทั้ง java และ
Python สามารถเรียกใช้งานกันได้ผ่าน JPE ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าดีใจ
เพราะเราอาจจะทำ java เป็น system language ให้ Python
เรียกใช้ซึ่งก็น่าจะเพิ่มความเร็วของ project ได้ดียิ่งขึ้น
โดยใจจริงแล้วผมอยากจะเลือกใช้ soap เป็นโปรโตคอลระหว่าง front กับ back
เพราะว่ามัน support ebXML
ซึ่งเป็นโปรโตคอลสำหรับใช้ในงานในธุรกิจโตยเฉพาะ
แต่อย่างไรก็ตามเราก็อาจจะใช้ทั้ง SOAP และ REST
ร่วมกันทำงานตามความเหมาะสม
> ...
>
> read more >>
> ...
>
> read more >>
> ...
>
> read more >>
On Dec 15, 8:40 am, upatan abc <upa...@gmail.com> wrote:
> เว็บเซอร์วิสมันเป็นลักษณะนี้ครับ โปรแกรม stardict เรียกใช้ฐานข้อมูลของ
> longdo จริง ๆ คือไม่จำเป็นต้องเป็นฐานข้อมูลนะครับ
> อะไรก็ได้แล้วแต่เซอร์วิสที่จะเปิด ส่วน ui จะเป็นอะไรก็ได้เช่นกัน
> อาจจะเป็นเว็บก็ได้ หรือเป็น native apps ก็ได้ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็เช่น
> twitter ไงครับ โพสต์ผ่านหน้าเว็บของ twitter ก็ได้ หรือเรียกใช้ผ่าน client
> ต่าง ๆ ก็ได้
>
> เมื่อ ธันวาคม 14, 2009 9:54 หลังเที่ยง, Dreamer <asuwanna...@gmail.com>เขียนว่า:
> ...
>
> read more >>
2009/12/15 mangmo <maha...@gmail.com>: