ในกลุ่มตลาดเครื่อง 3D printer สำหรับผู้ใช้งานเบื้องต้น
มีการแข่งขันด้านราคาที่สูงมาก การที่ต้องลดต้นทุนเพื่อกดราคาให้ต่ำ
หมายถึง คุณภาพเครื่องที่ด้อยลง
และผู้ใช้งานเบื้องต้นแทนที่จะได้เครื่องที่ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่
กับต้องมาเจอปัญหาการใช้งานของเครื่อง ปรากฎว่าซื้อเครื่องมาใช้ไม่กี่ครั้ง
ก็เลิกใช้ และไม่กล้าซื้อเครื่อง 3D printer ไปอีกนาน
สำหรับ CreateBot
T22 ทางโรงงานตั้งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้านี้เช่นกัน
โดยกลุ่มตัวเลือกในราคาระดับเดียวกันมีทั้งแบบ Open Source เช่น Reprap
หรือ Close Source เช่น XYZ Da Vinci และ Up Mini
แล้วมันจะดีพอสำหรับผู้ใช้งานเบื้องต้นหรือไม่ ลองมาดูกันครับ
รายละเอียด
ขนาดตัวเครื่อง
- 325 x 303 x 428 mm
- น้ำหนัก 11kg
กำลังไฟ
- 100W
รองรับการเชื่อมต่อ
- USB
- SD Card
Software:
- Cura
- Compatibility: Windows, Mac OSX and, Linux
- Input file type: STL, gcode
Printing
- ขนาดพื้นที่การสร้างงาน: 220 x 150 x 150 mm
- ความละเอียดในการทำงานของแกน Z Layer thickness: 0.1-0.3 mm(adjustable)
- Nozzle diameter: 0.4 mm
วัสดุที่รองรับ
- PLA, PET

งานออกแบบภายนอก
 |
ถ้าใครเคยเห็น หรือ รู้จัก Makerbot Mini เมื่อมาเห็นเครื่อง
Createbot T22 ตัวนี้ ต้องเข้าใจผิดนึกว่าเป็นเครื่องรุ่นเดียวกันแน่นอน
ด้วยรูปทรงการออกแบบและขนาดที่ไล่เลี่ยกัน
ไม่แปลกใจที่ใครจะคิดว่าเครื่องตัวนี้ลอกเลียนแบบ Makerbot Mini มา
แต่ความเหมือนก็จบอยู่แค่ตรงนั้น
เพราะส่วนอื่นๆเรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งแรกที่สะดุดตา
คือโครงสร้างของตัวเครื่องที่เป็นเหล็ก เรียกได้ว่าเครื่องในราคาระดับนี้
หาได้ยากครับ ที่จะลงทุนผลิตออกมาเป็นโครงเหล็กแบบชิ้นเดียว
ไม่ใช่เป็นการเอาแผ่นเหล็กมาขันน็อตเข้าด้วยกัน ด้านหน้าของตัวเครื่อง
มีมาให้ครบ พอร์ทช่องเสียบสาย USB สำหรับต่อควบคุมผ่านคอมพ์
และใกล้กันเป็นช่องเสียบ SD Card ถัดมาจะเป็นหน้าจอ LCD แบบขาวดำ
ที่เห็นได้ทั่วไปในเครื่องรุ่นสไตล์ Reprap อื่นๆ (แถมยังมีเขียนว่า Mendel
ในเมนูอีกด้วย) ส่วนตัวควบคุม เป็นแบบหมุน หมุนซ้ายขวา
เป็นการเลื่อนเมนูขึ้นลง และถ้าต้องการเข้าเมนู ก็กดตรงปุ่มหมุนนี้
ในส่วนนี้เรียกได้ว่าใช้งานยากครับ
เพราะหมุนแล้วมักจะเลยเมนูที่ต้องการไม่คล่องเหมือนเครื่องรุ่นที่เป็นแบบที
ใช้ปุ่มควบคุม และ สุดท้าย เป็น ปุ่มเปิดปิด ไฟ LED ที่อยู่ในเครื่อง
|
|
นอกจากนี้ ยังมีแถม แผ่นอะคริลิค สี่แผ่น เพื่อปิดเครื่องด้านบน
ซ้าย ขวา และด้านหน้าพร้อมตัวพับและด้ามจับ ให้เปิดปิดได้เหมือนประตู
ส่วนที่แขวนม้วนพลาสติกให้มาเป็นแท่นแกนเหล็กที่มีแม่เหล็กติดอยู่ด้านล่าง
เนื่องจากตัวเครื่องทำจากเหล็ก ดังนั้นสามารถจะติดตั้งด้านในของเครื่องได้
แต่ทว่า ปัญหาคือ ต้องใช้ม้วนพลาสติกที่มีขนาดแกนบางถึงจะใส่ได้พอดี
การตั้งไว้ด้านนอกของเครื่องจะสะดวกกว่าแต่ก็จะไม่สามารถติดตั้งแผ่นปิดด้าน
หน้าได้ เพราะต้องเปิดให้เส้นพลาสติกผ่านเข้าไปได้ อีกจุดหนึ่งที่น่าจะมี
คือที่จับสำหรับเวลายกเครื่อง ถ้าใครต้องย้ายที่ตั้งเครื่องบ่อยๆ
ต้องอุ้มเครื่องเท่านั้น แม้ตัวเครื่องจะไม่หนักมาก
แต่ก็ทำให้การยกเป็นไปด้วยความลำบากระดับหนึ่ง |
การออกแบบระบบทำงานด้านใน
 |
ถ้ามองเข้าไปข้างใน ระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบ Gantry Style
ซึ่งก็เหมือนของ Makerbot Replicator 1/2/2X และเมื่อดูไปที่หัวฉีด
ก็ดูเหมือนยกเซ็ตมาจาก Makerbot Replicator 1/2 ที่เป็นหัวฉีดแบบ MK7/MK8
เช่นกัน แต่ได้มีการเพิ่มท่อ TEFLON เพื่อช่วยให้การทำงานกับเส้นพลาสติก
PLA มีปัญหาน้อยลง
แต่ในส่วนขับเส้นพลาสติกเป็นแบบรุ่นเก่าที่ใช้ระยะตายตัวระหว่างเฟือง
มอเตอร์และลูกปืนในการขับเส้นพลาสติก
โดยปัจจุบันเครื่องส่วนใหญ่หันไปใช้แบบ Spring Loaded Extruder
ที่ใช้แรงกดของสปริงในการหนีบขับเส้นพลาสติก ซึ่งการออกแบบเช่นนี้
ก็ใช้งานได้ดีระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่า ถ้าไปเจอเส้นพลาสติกที่
ขนาดไม่ได้มาตรฐานก็จะมีโอกาสที่เส้นพลาสติกจะค้างในหัวฉีด
การจะอัพเกรดก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะแบบหัวฉีดที่ใช้สปริงก็มีให้ดาวโหลดในเว็บ Thingiverse มากมายมาให้ 3D
print มาใช้ได้ แต่ส่วนตัว ผมชอบแบบนี้ เพราะเส้นพลาสติกสมัยนี้
โรงงานควบคุมมาตรฐานได้ดีกว่าหลายปีก่อน ดังนั้นปัญหาเส้นพลาสติกไม่ได้ขนาด
แทบไม่เจอเลยในปัจจุบัน กลับมาดูที่หัวฉีดอีกรอบ แม้จะเป็นแบบที่ถอดมาจาก
Makerbot MK7 แต่ตัววัดอุณหภูมิเป็นแบบ Thermistor
ที่ใช้กันทั่วไปกับเครื่องสไตล์ Reprap พัดลมมีมาให้สองตัว
ตัวที่ติดกับหัวฉีด จะเป่าไปที่มอเตอร์เพื่อระบายความร้อน
ส่วนตัวที่สองต่อกับท่อลม นำลมลงไปช่วยเป่าชิ้นงานพลาสติก
ที่กำลังปริ๊นอยู่เพื่อให้เย็นตัวเร็วขึ้น
แม้ตัวเครื่องจะเป็นแบบหัวฉีดเดียว แต่ฐานของหัวฉีดเป็นขนาดสำหรับสองหัวฉีด
ทำให้เนื้อที่แกน X หายไปฟรีๆราว 3-4cm (ซึ่งเหมือนเครื่อง Flashforge
Creator รุ่นตัวไม้ที่แม้จะเป็นหัวฉีดเดียวแต่ก็ติดฐานแบบสองหัวฉีดมาให้
เป็นการประหยัดค่าทำโมล) ส่วนในเรื่องของสายไฟ ถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อยใน
Cable Drag Chain ดูดีทีเดียว แต่ปัญหาก็คือ ถ้าต้อง Service
หรือเปลี่ยนสายไฟที่ชำรุด ต้องรื้อกันเหนื่อยเลย
ทางโรงงานเลยแก้ปัญหาส่วนนี้โดนการทำปลั๊กต่อให้ใกล้ๆหัวฉีด
ก็ต้องลุ้นละครับว่า สายฝั่งไหนจะเสีย
ถ้าเป็นส่วนของตรงหัวฉีดก็จะเปลี่ยนง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นฝั่งบอร์ดควบคุม
ก็คงได้รื้อกันยาวครับ
เนื่องด้วยขนาดด้านในของตัวเครื่องมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก บวกกับสาย Cable
Drag Chain
ทำให้คนมือใหญ่อาจจะลำบากในการที่จะเข้าไปแก้ไขบางจุดด้านในของตัวเครื่อง
|
|
มาดูที่ฐานปริ๊นงานกันบ้าง เป็นแผ่นพลาสติก Acrylic
สองแผ่นมาประกบกัน ความหนารวมกันอยู่ที่ 1cm ต้องติดเทปกาวก่อนปริ๊นงาน
ใต้แผ่นฐาน จะเป็นช่องกลมสี่ช่องมีแม่เหล็กติดตั้งอยู่ด้านใน
ในส่วนของแท่นแขนแกน Z
จะมีหัวน็อตเหล็กสี่ตัวที่พร้อมตัวขันสปริงยึดแม่เหล็กเพื่อ
ให้แผ่นฐานปริ๊นงานประกบติด แต่ที่ต้องชมและชอบมาก
ก็คือน็อตสปริงที่ปรับฐานตัวนี้ มีระยะกดตัวลงไปได้พอสมควร นั้นหมายความว่า
ถ้าผู้ใช้ตั้งระยะหัวฉีดกับฐานใกล้เกินจนเกินการขูดกัน
ฐานตัวนี้จะถูกกดลงไปแทน ป้องกันหัวฉีดไม่ให้พังได้ ด้วยขนาดฐาน 15x15cm
ไม่ได้ใหญ่มาก การตั้งระยะด้วยการปรับสปริงสี่จุดทำได้ง่าย
ไม่ต่างจากแบบปรับสามจุดที่มักเห็นในเครื่องที่มีฐานปริ๊นขนาดใหญ่
ในส่วนของระบบ Mechanic ที่ต้องชมอีกเรื่องก็คือ แกน Z
ทำได้ดีทีเดียว อย่างแรก แขนของแท่นแกน Z ทำจากเหล็ก
ไม่ใช่พลาสติกฉีดขี้นรูปเหมือนหลายๆรุ่นในตลาด ดังนั้นการสั่นมีน้อยกว่า
และ ด้วยเครื่อง CreateBot T22 มีระยะวิ่งของแกน Z ที่ค่อนข้างสูง ที่ 22cm
ตัวเกียวของแกน Z มีการยึดทั้งด้านบนและด้านล่าง ลดอาการการแกว่งได้ดี
ในด้านการระบายความร้อน
มากับพัดลมขนาดใหญ่และตัวขนาดเล็กติดตั้งไว้ใต้ท้องเครื่อง ลดปัญหา
overheat ได้ดี นอกจากนี้ เมื่อเปิดตัวเครื่อง พัดลมที่หัวฉีดจะทำงานทันที
รวมกันสามพัดลม ทำให้เสียงระหว่างที่เปิดเครื่องทิ้งไว้ดังทีเดียว
|


Software
ตัวนี้จะมี Software จากโรงงานมาให้ แต่มันคือ Cura มาปรับเปลี่ยน
icon บางส่วน ซึ่งเวอร์ชั่นที่ติดมาจากโรงงานเป็น Cura 14.03
ก็ไม่ได้เก่าแต่อย่างไร แต่ก็ไปดาวโหลดเวอร์ชั่นล่าสุดมา 14.09
ซึ่งก็ใช้งานได้เลย โดยปรับค่าขนาดฐานปริ๊นงานและขนาดเส้นพลาสติกจาก 3.0mm
มาเป็น 1.75mm เท่านั้น เนื่องจาก Cura เป็น Slice Engine
ที่ถูกเขียนมาเพื่อใช้กับ Ultimaker โดยเฉพาะ จึงมีการอัพเดทตลอดเวลา
ต้องยอมรับว่า สร้าง Gcode ได้เร็วมาก แต่ก็น่ารำคาญมากเช่นกันที่
ซอพแวร์เป็น auto slice คุณปรับอะไรก็ตามมัน slice คำสั่ง Gcode ตลอด
นี้ถ้าไปเจองานซับซ้อนขนาดใหญ่ ควรปรับก่อนนำมาใส่ใน Cura ครับ
ความรู้สึกส่วนตัว รู้สึกว่า Cura ใช้ง่ายกว่า Slic3R และเร็วกว่าเยอะเลย
แต่ถ้าใครไม่ชอบ Cura ก็ไปใช้ Slicer Engine ตัวอื่นๆได้ครับ
เพราะบอร์ดคุมตัวนี้ใช้ Firmware Marlin เหมือนเครื่อง Open
Sourceรุ่นอื่นๆ
|

|
การใช้งาน

|
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ระบบความคุมผ่านหน้าจอนี้ มาจากโปรเจคของ
Reprap Open Source ซึ่งได้หยุดพัฒนามาได้สักระยะแล้ว
ทำให้การทำงานผ่านหน้าจอ ไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไร
หมุนตัวปุ่มเพื่อเลือกเมนูเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา
โดยเฉพาะเวลาปรับค่าที่เป็นตัวเลข
ต้องหมุนไปหมุนมาหลายรอบกว่าจะได้ค่าที่ต้องการ เพราะการหมุนแต่ละรอบ
เราไม่รู้เลยว่ามันจะหมุนไปกี่ตัวเลข
ถ้ากด Homing ให้หัวฉีดวิ่งไปชนจุด limit switches ทั้งสามจุด
(ขวาหลังของตัวเครื่องและฐานจะวิ่งขึ้นมาจนบนสุด) หลังจากนั้น
เลื่อนขยับแกน X Y Z ไปยังจุดต่างๆ ผ่านไปสักระยะเวลา
ถ้าไม่มีการเลื่อนควบคุม เมนูจะเด้งกลับไปหน้าเมนูก่อนหน้านี้
และพอกดกลับเข้าไปเพื่อที่จะขยับแกน X Y Z อีกที
ระบบจะจำค่าตำแหน่งตอนนี้เป็น 0 แทนซึ่งระบบจะคิดว่า ณ ตรงจุดนี้ เป็นจุด
Home ทำให้ขยับไปได้ทางเดียว วิธีเดียวก็คือต้องกดไปที่เมนู homing
อีกครั้งให้หัวฉีดวิ่งไปตำแหน่งเริ่มต้นใหม่
เวลาเรากดยกเลิกการปริ๊นงานผ่านหน้าจอควบคุม
ระบบจะหยุดทันทีในตำแหน่งนั้น ต้องไปกดเมนูให้หัวฉีดหยุดทำความร้อน
และตามด้วยการเข้าไปกดให้ฐานเคลื่อนตัวลงเพื่อที่จะแกะชิ้นงานที่เสียออก
เทียบกับของเครื่อง Mbot/Flashforge ที่เมื่อกดยกเลิก
ฐานปริ๊นจะเลื่อนลงและหัวฉีดจะหยุดการทำความร้อนทันทีอัตโนมัติ
อีกอย่างที่ค่อนข้างจะไม่สะดวก ก็คือ
เวลาจะใส่หรือเอาเส้นพลาสติกออกจากหัวฉีด
เราต้องกดไปที่เมนูทำความร้อนที่หัวฉีด ก่อน แล้ว
ไปเลือกเมนูการควบคุมมอเตอร์หัวฉีด
ใช้การหมุนปุ่มไปเรื่อยๆให้มอเตอร์หมุนตามทิศทางที่ต้องการ
จนเส้นพลาสติกถูกฉีดออกมา หรือ ถูกถอยออกมาจากตัวหัวฉีด
ที่เขียนในข้อด้านบน จะเป็นด้านการใช้งานที่ไม่สะดวก
แต่การใช้งานของเครื่องเป็นเรื่องที่ง่ายมากครับ เพียงแค่เสียบ SD Card
ที่เราเซพข้อมูลจาก Software Cura แล้วเสียบเข้าช่องด้านหน้าของตัวเครื่อง
กดไปที่เมนู อ่าน SD card ก็จะโชว์ชื่อไฟล์ที่เราเซพไว้
กดเลือกไฟล์ที่ต้องการปริ๊น แค่นั้นก็นั่งรอเครื่องทำงานเลยครับ
|
คุณภาพของงานปริ๊น
 |
ข้อเด่นของ CreateBot T22 ก็คือคุณภาพงานปริ๊นครับ เรียกได้ว่า
ออกมาเทียบกับรุ่นราคาแพงๆได้สบาย จากการทดสอบ เครื่องสามารถปริ๊นได้ที่
0.025 (25 microns) layer height ได้ ปัจจัยที่งานออกมาดี
เป็นผลจากการออกแบบระบบ mechanic ที่ดี บวกกับ Software Cura ที่สร้าง tool
path (คำนวนแบบการวิ่งของหัวฉีด) ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
ถือได้ว่าเป็นเครื่องจิ๋วแต่แจ๋วทีเดียว |
ข้อบวก
- มีโครงสร้างที่แข็งแรง ใช้วัสดุโลหะในหลายชิ้นส่วน
- ฐานการปริ๊น สามารถถอดเข้าออก เปลี่ยนได้ง่าย
- ฐานสามารถยุบตัว ป้องกันการเสียหายของหัวฉีด เมื่อมีการปรับระยะผิดพลาดจากผู้ใช้งาน
- หัวฉีดทำงานมีประสิทธิ์ภาพ สำหรับพลาสติก PLA พร้อมพัดลมเป่าชิ้นงานระหว่างปริ๊น
- ระบบระบายความร้อนของบอร์ดควบคุม ใช้พัดลมขนาดใหญ่ ลดปัญหาการ overheat
- ในชุดมาพร้อมแผ่นสำหรับปิดตัวเครื่อง ทั้งสี่ด้าน หน้า บน ซ้าย และ ขวา
- ราคาไม่แพง
|
ข้อลบ
- ปริ๊นได้เฉพาะ PLA หรือ วัสดุพลาสติกที่ไม่ต้องใช้ฐานความร้อน
- ขนาดปริ๊นได้ XY (15x15cm) อาจจะเล็กไปสำหรับผู้ใช้บางคน
- การควบคุมผ่านหน้าจอ ไม่สะดวก
- ฐานปริ๊นทำมาจาก Acrylic ทำให้มีโอกาสเสียรูปเมื่อโดยความร้อนจากหัวฉีด ระยะยาว
- ที่แขวนม้วนพลาสติกไม่รองรับม้วนขนาดใหญ่ ถ้าต้องการติดตั้งภายในตัวเครื่อง
|
 |
สรุป
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้สนใจอยากลองใช้ 3D Printer
เป็นครั้งแรก แต่คงไม่ใช่เครื่องแบบ plug & play
เพราะผู้ใช้ต้องเรียนรู้การใช้งานพอสมควร แต่ถ้าเริ่มใช้งานเป็น
เครื่องรุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ของใครหลายๆคนได้ครับ เครื่องรุ่น CreateBot
T22 คงไม่ใช่รุ่นที่ถูกที่สุด หรือ
แพงที่สุดในกลุ่มตลาดสำหรับผู้ใช้เริ่มต้น แต่ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา
กับคุณภาพงานที่ปริ๊นออกมาได้ และ ตัวเครื่องที่แข็งแรง
จับคู่กับซอพแวร์ที่ใช้งานง่าย ใครอยากเริ่มใช้ 3D Printer
ก็ลองพิจารณาเครื่องตัวนี้ครับ
ใครสนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.ddd-solution.com/createbott22.html ใครใจซื้อ สามารถเข้าไปดูราคาและสั่งได้ที่ http://ddd-solution.lnwshop.com
|
|